ระบบภูมิคุ้มกัน หนึ่งในกลไกการทำงานของร่างกายที่มีหน้าที่ดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรค
นอกจากนี้ การมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ ยังทำให้รู้สึกชีวิตมีพลัง เกิดความกระปรี้กระเปร่า และแลดูอ่อนเยาว์สดใสอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ ในการชีวิตประจำวัน ดังนี้
หายใจให้เต็มปอด
หายใจในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ โดยใช้เวลาขณะท้องว่างสัก 5 นาทีในแต่ละวัน นั่งหรือยืนในท่าที่สบาย หลังตรง หน้ามองตรง วางมือทั้งสองที่หน้าท้องบริเวณกะบังลม
ใช้จมูกหายใจเข้า โดยให้ท้องป่องออกจนสุด กลั้นไว้สัก 4 วินาทีแล้วหายใจออกให้ท้องแฟบลง ทำอย่างผ่อนคลายแต่ให้รู้สึกถึงการผ่านของอากาศไปช่องอก การเพิ่มลมหายใจเข้าออกให้ยาวขึ้น ปอดจะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่
หากคุณรู้สึกเครียด ให้ลองหายใจโดยใช้นิ้วอุดรูจมูกข้างหนึ่งไว้ แล้วหายใจเข้ายาวๆ ด้วยจมูกอีกข้างจนสุดลม สลับการอุดรูจมูกแล้วค่อยเริ่มหายใจออก ทำสลับกันแบบนี้ 10 ครั้ง จะรู้สึกถึงความผ่อนคลาย
กินอาหารให้สมดุล
การกินอาหารที่มีกรดและด่างมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายพัง ขนมปัง เนื้อสัตว์ ไข่ นม เนย น้ำตาล ช็อกโกแลต รวมถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม กาแฟ และเบียร์ จะมีความเป็นกรดสูงทำให้ไตทำงานหนัก เสี่ยงกระดูกพรุนและโรคหลอดเลือด
หันมากินผักใบเขียวที่ให้ความเป็นด่าง ดื่มน้ำมากขึ้น กินอาการที่ปรุงแต่งน้อย เลี่ยงอาหารแปรรูป อย่าลืมกินถั่ว ผัก และผลไม้ เพื่อให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย เลือกกินอาหารที่ปล่อยพลังงานช้า เช่น ข้าวไม่ขัดสี ธัญพืช ผลไม้อย่างองุ่น แอปเปิ้ล เพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สวิงขึ้นลงระหว่างวัน อันจะทำให้หิวบ่อยซึ่งเป็นต้นเหตุของการกินมากไป
ออกกำลังกายให้เลือดสูบฉีด
การออกกำลังกายเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเลือดโดยรวม ทำให้เซลล์ต่างๆ ได้รับออกซิเจนมากขึ้น เม็ดเลือดขาวแข็งแรงและเพิ่มจำนวนได้ เพียงออกกำลังกายเบาๆ ต่อเนื่องสัก 30 นาทีให้หัวใจเต้นอยู่ในโซน 2 ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (ระหว่าง 60-70% ของ 220 ลบด้วยอายุ) ก็เพียงพอสำหรับการดึงไขมันสะสมมาใช้
สังเกตว่าเมื่อจบการออกกำลังกายแล้วจะเกิดความรู้สึกสดชื่นจากการที่ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน การฝึกในระดับนี้จะทำให้เริ่มติดการออกกำลังกายเพราะไม่เหนื่อยเกินไป ใช้เวลาไม่มาก เมื่อแข็งแรงขึ้นจึงเพิ่มความหนักและเวลาให้นานขึ้น
ใช้สรีระให้ถูกต้อง
ในแต่ละวันเราจับหรือใช้อุปกรณ์สื่อสารรวมไปถึงจ้องหน้าจอคอมฯ แทบจะตลอดเวลา การนั่งในท่าที่ถูกต้อง หลังตรง นั่งเต็มก้น พิงพนักเก้าอี้ จัดหน้าจอในระดับสายตาแบบไม่ต้องก้มคอจนงองุ้มคือสิ่งจำเป็น เพราะการต้องก้มหน้าจนคองุ้มลง แถมคิ้วก็ยังขมวดด้วยการหยี่ตาสู่กับแสงหน้าจอนานๆ เข้าก็ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าและลำคอได้ เราจึงควรใส่ใจในการใช้สรีระ และรู้จักพักร่างกายให้ผ่อนคลายจากอุปกรณ์ต่างๆ บ้าง
นอนหลับให้มีคุณภาพ
นอกจากท่านอนหงายเหยียดตัวปกติแล้ว ไม่ควรนอนขดตัวหรือเอียงตัวเพราะในระยะยาวอาจทำให้กระดูกผิดรูป การนอนให้มีคุณภาพคือการเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม เพราะการเข้านอนเร็วและหลับได้เร็วก่อนเที่ยงคืนร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้ดีกว่าการนอนดึก ทำให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่นง่าย หรือรูขุมขนเปิดกว้าง
การจัดสภาพแวดล้อมของห้องนอนก็สำคัญ เพราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ได้ดีหากนอนในห้องที่มืดสนิท ร่างกายจะได้ผ่อนคลายความเครียดและเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย
5 วิธีเพิ่มภูมิต้านทาน เพื่อร่างกายที่แข็งแรงแลดูอ่อนเยาว์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/