รู้หรือไม่? บ้านกับสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัยสัมพันธ์กันมากกว่าที่คิด โดยบ้านที่รกและสกปรกจะพลอยทำให้จิตใจของผู้อยู่อาศัยขุ่นมัวตามไปด้วย ในขณะที่บ้านที่สะอาดและปลอดโปร่ง จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสดชื่นและผ่อนคลาย พร้อมกับได้รับการพักผ่อนทางจิตใจอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นจึงอยากมาแบ่งปัน 12 วิธี ทำความสะอาดบ้านให้น่าอยู่และสามารถทำเองได้ไม่ยาก!
1.เริ่มจากบนลงล่าง
การทำความสะอาดบ้านควรเริ่มจากที่สูงก่อน เช่น เพดาน ราวแขวนผ้าม่าน และชั้นวางสูงๆ เป็นต้น เพราะหากทำด้านล่างก่อน อาจมีเศษฝุ่นปลิวลงมาขณะที่ทำความสะอาดด้านบน จนทำให้ต้องวนกลับมาทำความสะอาดด้านล่างซ้ำ
2.ปัดฝุ่นจากโต๊ะและตู้ลงพื้น
การปัดฝุ่นบนโต๊ะและตู้ลงพื้นจะช่วยให้ฝุ่นไปอยู่รวมกันที่พื้น และสามารถกวาดหรือดูดฝุ่นจากพื้นได้ในคราวเดียว
3.อย่าลืมล้างมุ้งลวด
หากที่บ้านของใครมีการติดตั้งมุ้งลวด อย่าลืมถอดมุ้งลวดออกมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก่อนนำกลับมาติดตั้งใหม่ เพราะมุ้งลวดเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีการสะสมของฝุ่นเยอะ
4.ควรทำความสะอาดให้เสร็จเป็นห้องๆ
การทำความสะอาดห้องแต่ละห้องภายในบ้านมีการใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น การทำความสะอาดห้องนอน ต้องใช้ไม้กวาดและไม้ถูพื้นเป็นหลัก ในขณะที่การทำความสะอาดห้องน้ำ ต้องใช้แปรงสำหรับขัดพื้นและสุขภัณฑ์ ฉะนั้นจึงควรทำความสะอาดเป็นห้องๆ ไป เพื่อความสะดวกในการใช้อุปกรณ์
5.ถอดผ้าม่านไปซัก
ผ้าม่านเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีการสะสมของฝุ่นเยอะ ดังนั้นควรถอดผ้าม่านไปซัก เพื่อสุขอนามัยที่ดี แต่ในกรณีที่ผ้าม่านเป็นแบบที่ไม่สามารถถอดเองได้ อาจใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดฝุ่นที่ผ้าม่านแทนก่อนได้
6.ทำความสะอาดพรมเช็ดเท้า
พรมเช็ดเท้าถือเป็นแหล่งสะสมของทั้งฝุ่นและเชื้อโรคเลยก็ว่าได้ หากพรมเช็ดเท้ามีขนาดไม่ใหญ่มาก ให้ซักแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนจะนำกลับมาใช้ หรือในกรณีที่พรมเช็ดเท้ามีขนาดใหญ่มาก ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นแดดแทนได้ และนำไปตากแดด เพื่อฆ่าเชื้อโรค
7.ผ้าปูที่นอนต้องสะอาดอยู่เสมอ
แม้จะไม่มีรอยเปื้อน แต่ในความจริงแล้ว ผ้าปูที่นอนเป็นแหล่งอาศัยชั้นเยี่ยมของไรฝุ่น ซึ่งมักก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ และในบางครั้งยังก่อให้เกิดสิวตามร่างกายได้ด้วย ผ้าปูที่นอนจึงควรเปลี่ยนใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
8.อย่ามองข้ามของชิ้นเล็ก
นอกจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ของใช้หรือของแต่งบ้านชิ้นเล็ก ๆ ก็สามารถสะสมฝุ่นได้เช่นกัน เช่น ตุ๊กตา แจกัน และรีโมต เป็นต้น
9.ห้องครัวและตู้เย็น
ห้องครัวเป็นห้องที่ทำความสะอาดค่อนข้างยาก เพราะมักมีคราบเปื้อนของซอสและน้ำมัน ซึ่งหากได้รับการสะสมไว้นาน ๆ คราบเหล่านั้นจะเหนียวและเช็ดออกได้ยาก จึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ช่วยขจัดคราบเหนียวและฝังแน่นได้ แต่ทางที่ดีคือ ให้ทำความสะอาดจุดที่เปื้อนคราบเหล่านั้นทันที
ส่วนตู้เย็นสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการถอดชิ้นส่วนชั้นต่าง ๆ ในตู้เย็นออกมาล้างน้ำสะอาด แล้วผึ่งแดดให้แห้ง ก่อนจะนำกลับไปประกอบคืนที่เดิม ซึ่งการล้างตู้เย็นจะช่วยให้เจ้าของบ้านได้จัดวัตถุดิบในตู้เย็นไปในตัว ทำให้สะดวกขึ้นเมื่อเปิดหาวัตถุดิบมาประกอบอาหาร นอกจากนี้ ยังช่วยให้เห็นด้วยว่ามีอะไรที่เน่าเสียแล้วบ้าง เพื่อนำไปทิ้งได้ทันก่อนที่จะส่งกลิ่นเหม็น
10.หลอดไฟและโคมไฟ
หลอดไฟและโคมไฟมักเป็นจุดที่ถูกลืมทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง โดยสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้กระดาษทิชชูแห้งหรือผ้าสะอาดแห้งมาเช็ดฝุ่นให้ออกไป
เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านให้พร้อม
11.อุปกรณ์ทำความสะอาด
หลังจากใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านแล้ว ควรทำความสะอาดอุปกรณ์เหล่านั้นด้วย เพื่อให้สะอาดอยู่เสมอและสามารถใช้งานได้นาน เช่น ผ้าเช็ดพื้น ควรนำไปซักให้สะอาด แล้วนำไปตากแดด เป็นต้น
12.ตรวจเช็กบ้าน
อีกหนึ่งการดูแลบ้านที่ขาดไม่ได้ก็คือ การตรวจเช็กมุมต่างๆ ของบ้าน ซึ่งสามารถทำไปพร้อมกับการทำความสะอาดแต่ละจุดในบ้านได้ เช่น การตรวจรอยรั่วของท่อ ตรวจรอยร้าวบนผนัง และตรวจสภาพบ้านว่ามีการทรุดตัวหรือไม่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การทำความสะอาดบ้านในบางจุดอาจจะเป็นเรื่องยากหรือใช้เวลามากเกินไปสำหรับเจ้าของบ้าน เช่น การทำความสะอาดโซฟา การทำความสะอาดพรมขนาดใหญ่ หรือการทำความสะอาดฟูกขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันมีบริษัทรับทําความสะอาดที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้านกลุ่มนี้อยู่ รวมไปถึงกลุ่มเจ้าของบ้านที่ยุ่งเกินกว่าจะทำความสะอาดบ้านด้วยตนเอง
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีบริการรับทำความสะอาดบ้านที่มาพร้อมกับบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคด้วย ซึ่งเป็นบริการที่เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19
บริการทำความสะอาด: วิธีทำความสะอาดบ้าน ทำเองได้ไม่ยาก เปลี่ยนบ้านให้เป็นที่ผ่อนคลาย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/soft-services/