head prakardsod






























































แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 54
1
คอนโดติดรถไฟฟ้า ออริจิ้น เพลส พหลฯ 59 สเตชั่น (Origin Place Phahol 59 Station)
เริ่มต้น 3.09 ลบ.

ออริจิ้น เพลส พหลฯ 59 สเตชั่น (Origin Place Phahol 59 Station)
เตรียมพบกับคอนโดใหม่ เลี้ยงสัตว์ได้! เพียง 20 เมตร ถึงบีทีเอส สถานีพหลโยธิน 59 ต่อเดียวถึงสยาม ออกแบบมาเพื่อคนรักสัตว์

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            ออริจิ้น เพลส พหลฯ 59 สเตชั่น (Origin Place Phahol 59 Station)
 เจ้าของโครงการ       ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
 แบรนด์ย่อย            ออริจิ้น เพลส
 ราคา                  เริ่มต้น 3.09 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล              คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 เนื้อที่ทั้งหมด             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนตึก                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้อง                โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ที่จอดรถทั้งหมด          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        แจ้งวัฒนะ, หลักสี่, ดอนเมือง, บางเขน
 ที่ตั้ง        ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. 10220

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:               ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(หมอชิต - คูคต)(พหลโยธิน 59)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ปีที่สร้างเสร็จ                      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

2
จัดฟันบางนา: ข้อจำกัด ของเครื่องมือจัดฟันแบบใส !

การจัดฟันแบบใส Invisalign เป็นรูปแบบการทันตกรรมแบบใหม่ ซึ่งเป็นการจัดฟันที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษา และยังได้รับความนิยมในกลุ่มดารา นักแสดง ด้วยความที่สะดวกสบายในการรับประทานและการใช้ชีวิตประจำวัน การจัดฟันแบบใส จึงเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก เพราะเครื่องมือจัดฟันสามารถถอดออกได้ง่าย และถอดได้ในช่วงที่ผู้เข้ารับการรักษารับประทานอาหารและขณะแปรงฟัน จึงทำให้สะดวก มีความหลากหลายในการรับประทานอาหารอีกด้วย

ทั้งยังทำให้มีฟันที่เรียงสวยงามเป็นธรรมชาติในช่วงที่กำลังจัดฟันอยู่ ด้วยเครื่องมือแบบใส ที่สามารถมองเห็นได้ยาก เพราะมีลักษณะที่บางและใสมาก ทำให้ดูไม่ออกว่ากำลังจัดฟัน ถึงแม้ว่าการจัดฟันแบบใส จะเป็นที่นิยม แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในบางเรื่อง เช่นเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน นั่นเอง

เครื่องมือการจัดฟันแบบใส Invisalign ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการรักษา ด้วยวัสดุที่ทำจากพลาสติกใส และมีลักษณะการทำงานของเครื่องมือ ทำให้การเคลื่อนตัวของฟันยังไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการจัดฟันที่สูง เครื่องมือการจัดฟันแบบใส เป้นเครื่องมือที่ยังใช้แทนเครื่องมือแบบติดแน่นไม่ได้ทั้งหมด

ด้วยความที่เครื่องมือที่ต้องส่งตรงมาจากต่างประเทศ ทันตแพทย์จะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนตัวของฟันได้ ทำให้บางกรณีเกิดความยุ่งยาก ที่จะทำให้ฟันของผู้เข้ารับการรักษาเรียงสวยงามเป็นธรรมชาติและแม่นยำได้ ถึงแม้ว่าก่อนการรักษาทันตแพทยืจะให้ผู้เข้ารับการรักษาได้ดูการวางแผนการรักษาด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่ก็ยังต้องตัดสินใจให้ดีก่อนเข้ารับการรักษา

เพราะฉะนั้น ถ้าเครื่องมือแบบใสไม่เหมาะกับผู้เข้ารับการรักษา หรือรู้สึกว่ามันอาจแพงเกินไป เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบใส อาจเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสมกว่า ข้อจำกัดทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องตัดสินใจให้ดี

และทันตแพทย์จะให้คำแนะนำและผลการวินิจฉัยว่า การจัดฟันแบบใส เหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษาหรือไม่ เพื่อให้ผลออกมาเป็นที่พึงพอใจ และทำให้ผู้เข้ารับการรักษาได้ใช้ฟันและช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากในอนาคตเทคโนโลยีด้านทันตกรรมอาจจะมีการพัฒนา ทำให้เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ไม่มีข้อจำกัดใดๆ และมีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน

3
ข้อดีของการจัดฟันเด็ก EF LINE ที่จะทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก จะเห็นได้ว่า เด็กในสมัยนี้เราจะพบว่ามีเด็กและวัยรุ่นหลายคนที่นิยมจัดฟันจนดูเหมือนทำตามแฟชั่น ทั้งที่จริงแล้วการจัดฟันในเด็กเป็นไปเพื่อแก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครอง หลายคนอาจจะยังไม่แน่ใจว่าสภาพฟันแบบไหนที่ควรจะเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ถือว่าได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเด็กไทยมักจะมีฟันผุเพราะรูปแบบการเลี้ยงดูของครอบครัวและการรับประทานอาหารของเด็กในวัยนี้ถือว่าเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุมาก

รวมไปถึงพฤติกรรมที่มีในวัยเด็กก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันได้เช่นเดียว ซึ่งพฤติกรรมในวัยเด็กที่ส่งผลทำให้เกิดปัญหา อันได้แก่ พฤติกรรมการดูดนิ้ว พฤติกรรมการดูดขวดนม ซึ่งยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อใบหน้า และขากรรไกรในเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม การให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นมีหลายช่วงอายุ ซึ่งต้องพิจารณาตามความผิดปกติและพัฒนาการของกะโหลกศีรษะและใบหน้าร่วมด้วย โดยมีแนวทางพิจารณาดังนี้ หากมีความผิดปกติของความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ก็ควรจะเริ่มการรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลามไปยังฟันข้างเคียงได้

 ซึ่งการจัดฟันในเด็กที่สามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของกล้ามเนื้อของใบหน้า และปัญหาฟันในเด็กได้นั้น ก็คือ การจัดฟันในเด็กโดยเครื่องมือ EF LINE หรือการจัดฟันในเด็กแบบเครื่องมือติดแน่น แต่วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงข้อดีของการจัดฟัน EF LINE ที่จะทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งถือว่าเครื่องมือ EF LINE ถือว่าเป็นเครื่องมือจัดฟันในเด็กที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ 3-4 ขวบ เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบ EF LINE มีลักษณะเป็นชิ้นยางที่เด็กสามารถสวมใส่ได้สะดวกสบาย เพราะเด็กบางรายที่มีความเคยชินบางอย่าง เช่น ดูดนิ้ว แกะเล็บ กัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ อุปนิสัยเหล่านี้จะมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติ

ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ดังนั้น EF line เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ ซึ่งหากเด็กไม่มีปัญหาเหล่านี้ นอกจากจะช่วยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว ยังสามารถช่วยทำให้เด็กมีความกล้าแสดงออก มีความมั่นใจ และยังช่วยทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย เพราะการที่บุตรหลานของท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดี แน่นอนว่าส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้เป็นอย่างดี และการพาเด็กเข้ารับการจัดฟันนั้น จะเป็นการปลูกฝังทำให้เด็กรู้จักการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เป็นการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก ทำให้เด็กคุ้นชินกับการเข้าพบทันตแพทย์ ลดปัญหาในเรื่องของเด็กกลัวทันตแพทย์ด้วย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก รวมถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมในเด็ก และยังสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะคลินิกก็ได้นำนวัตกรรมล้ำสมัยนี้มาใช้ กับเด็กเล็กที่มีอาการผิดปกติทางด้านโครงสร้างกระดูกขากรรไกรที่เป็นต้นเหตุหลักทำให้ใบหน้าผิดรูป รวมถึงการสบฟันผิดปกติในเด็กเล็ก ไม่เว้นแม้แต่พฤติกรรมที่ทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปากในอนาคตอีกด้วย

4
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)

เยื่อหุ้มสมองอักเสบแบ่งออกได้หลายชนิด ซึ่งมีสาเหตุและความรุนแรงแตกต่างกันไป เช่น

1. เยื่อหุ้มสมองอักเสบเฉียบพลันชนิดมีหนอง (acute purulent meningitis) อาจเกิดจากเชื้อนิวโมค็อกคัส (pneumococcus) สเตรปโตค็อกคัส (streptococcus) อีโคไล (E. coli) เมนิงโกค็อกคัส (meningococcus) สแตฟีโลค็อกคัส (staphylococcus) เคล็บซิลลา (klebsiella) ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ (Hemophilus influenzae) เป็นต้น ซึ่งมักจะมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันทันที และมีความรุนแรง อาจเป็นอันตรายในเวลาอันรวดเร็ว

เชื้อโรคอาจแพร่กระจายจากแหล่งติดเชื้อที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย (เช่น ปอดอักเสบ กระดูกอักเสบเป็นหนอง คออักเสบ ฝีที่ผิวหนัง โรคติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ) ผ่านกระแสเลือดไปที่เยื่อหุ้มสมอง

หรือไม่เชื้อก็อาจลุกลามโดยตรง เช่น ผู้ป่วยหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง ไซนัสอักเสบ อาจมีเชื้อโรคจากบริเวณดังกล่าวลุกลามไปถึงเยื่อหุ้มสมองโดยตรงหรือผู้ป่วยที่มีกะโหลกศีรษะแตก อาจมีเชื้อโรคลุกลามจากภายนอก เป็นต้น

2. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรค (tuberculous meningitis) เกิดจากเชื้อวัณโรค ซึ่งมักจะแพร่กระจายจากปอดหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไปที่เยื่อหุ้มสมองโดยผ่านทางกระแสเลือด โรคนี้มักจะมีอาการค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ อาจกินเวลาเป็นสัปดาห์ แต่ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรง จึงทำให้มีอัตราตายหรือพิการค่อนข้างสูง พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในเด็กอายุ 1-5 ปี

3. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส (viral meningitis) อาจเกิดจากเชื้อคางทูม เชื้อไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) เชื้อค็อกแซกกี (coxsackie virus) ไวรัสเฮอร์ปีส์ (herpesvirus) เชื้อเอชไอวี เป็นต้น เชื้อโรคมักแพร่กระจายผ่านทางกระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง และบางกรณีอาจมีการอักเสบของเนื้อสมองร่วมด้วย

4. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา ที่พบบ่อยในบ้านเรามีสาเหตุจากเชื้อคริปโตค็อกคัส (cryptococcus) ซึ่งพบในอุจจาระของนกพิราบ ไก่ และตามดิน เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเข้าทางปอด ผ่านกระแสเลือดไปที่เยื่อหุ้มสมอง อาการจะค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรค มักพบในผู้สูงอายุและผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอเนื่องจากเป็นโรคเอดส์ มะเร็ง โรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน เอสแอลอี ไตวาย ตับแข็ง เป็นต้น) หรือมีประวัติกินยาสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิคุ้มกันมานาน ส่วนในเด็กพบได้น้อยมาก เป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรงชนิดหนึ่ง เยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดนี้ มีชื่อเรียกว่า เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อคริปโตค็อกคัส (cryptococcal meningitis)

5. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากพยาธิ (eosinophilic meningitis) ที่พบบ่อยในบ้านเรา ได้แก่ ตัวจี๊ด และพยาธิแองจิโอ (Angiostrongylus canthonensis) โรคนี้อาจมีความรุนแรงมากน้อยแล้วแต่ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสมอง ถ้ามีเลือดคั่งในสมองหรือสมองส่วนสำคัญถูกทำลายก็อาจทำให้ตายหรือพิการได้ ถ้าเป็นไม่รุนแรงจะหายได้เอง

พยาธิแองจิโอ พบมากทางภาคกลางและภาคอีสาน เป็นพยาธิที่มีอยู่ในหอยโข่ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีประวัติกินหอยโข่งดิบก่อนมีอาการประมาณ 1-2 เดือน พยาธิเข้าไปในกระเพาะสำไส้และไชเข้าสู่กระแสเลือดแล้วขึ้นไปที่สมอง โรคนี้มักพบในตอนปลายฤดูฝน เพราะเป็นช่วงที่หอยโข่งตัวโตเต็มที่ ซึ่งชาวบ้านจะจับกิน

6. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้ออะมีบา (primary amebic meningoencephalitis) เกิดจากเชื้ออะมีบาที่มีชื่อว่า Naegleria fowleri ซึ่งอาศัยอยู่ในบ่อน้ำหรือที่มีน้ำไหลช้า ๆ หรือที่เป็นดินโคลน เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางจมูกโดยการเล่นน้ำในบึง คู คลอง หรือสระน้ำที่มีเชื้ออยู่ หรือถูกน้ำสาดเข้าจมูก หรือสูดน้ำเข้าจมูก ตัวอะมีบาจะไชผ่านเยื่อบุของจมูก และเส้นประสาทการรู้กลิ่น (olfactory nerve) เข้าบริเวณฐานสมอง แล้วแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของสมองและเยื่อหุ้มสมอง ระยะฟักตัว 3-7 วัน (อาจนานถึง 2 สัปดาห์) โรคนี้มีความร้ายแรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเสียชีวิต

7. เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ไทฟอยด์ สครับไทฟัส เล็ปโตสไปโรซิส ซิฟิลิส เมลิออยโดซิส บรูเซลโลซิส เป็นต้น

8. อื่น ๆ เช่น เอสแอลอี มะเร็งบางชนิด ผลข้างเคียงจากยา (เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ โคไตรม็อกซาโซล เพนิซิลลิน ไซโพรฟล็อกซาซิน อัลโลพูรินอล เมโทเทรกเซต เป็นต้น ซึ่งมักเกิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิต้านตนเอง และหลังหยุดยาโรคก็จะทุเลาไปเอง)

5
หมอประจำบ้าน: ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)

โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบในเด็กเล็ก ส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง มักพบติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งอาจมีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือผู้สูงอายุ โรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น ไวรัส โคโรนา (coronavirus) ไวรัสอะดีโน (adenovirus) ไวรัสแอสโตร (astrovirus) ไวรัสคาลิซิ (calicivirus) ไวรัสนอร์วอล์ก (Norwalk virus) เป็นต้น ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ บางชนิดก็อาจติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือการปนเปื้อนเชื้อในอุจจาระเข้าทางเดินหายใจ (fecal respiratory transmission)

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องเดินเฉียบพลัน ซึ่งพบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6-24 เดือน) ได้แก่ ไวรัสโรตา (rotavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย และสามารถติดต่อทางการหายใจได้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน


อาการ

มักมีไข้สูง ถ่ายเป็นน้ำบ่อย อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย มักจะเป็นอยู่นานเพียงไม่กี่วัน แต่บางรายอาจนาน 1-2 สัปดาห์

สำหรับโรคท้องเดินจากไวรัสโรตา เริ่มแรกจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนนำมาก่อน แล้วจึงมีอาการถ่ายเป็นน้ำตามมา อุจจาระมีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักมีไข้สูงร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย อาการมักเป็นอยู่นาน 5-7 วัน ในรายที่เป็นไม่มากก็มักจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรง ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง

อาจทำให้เกิดภาวะพร่องแล็กเทส เนื่องจากเยื่อบุลำไส้เล็กที่อักเสบไม่สามารถสร้างเอนไซม์ชนิดนี้ชั่วคราว ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังตามมาได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งอาจตรวจพบไข้ และภาวะขาดน้ำ

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้-พาราเซตามอล และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่

2. หากกินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำร่วมกับไข้ หรือสงสัยมีอาการท้องเดินจากไวรัส ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ 1/2-1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม 

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเล
    หลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ 
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

1. ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันท้องเดิน

2. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอ จาม ควรปิดปาก อย่าไอหรือจามรดใส่ผู้อื่น

3. ผู้ดูแลทารกหรือเด็กเล็ก (เช่น ในสถานรับเลี้ยงเด็ก) ควรล้างมือกับสบู่ทุกครั้งที่ชำระก้นเด็กหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมกับท้องเดิน บางรายจึงเรียกว่า "หวัดลงกระเพาะ" หรือ "ไวรัสลงกระเพาะ"

2. อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ หรือบิดชิเกลลา ระยะแรกหลังให้การรักษาควรเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดตามมาควรให้การรักษาแบบบิดชิเกลลา

3. ถ้ามีภาวะพร่องแล็กเทสตามมา ควรให้เด็กงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน และให้การดูแลแบบภาวะพร่องแล็กเทส

6
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: เลกซัส Lexus-LBX Luxury-ปี 2024
2,229,000 บาท 

เลกซัส Lexus-LBX Luxury-ปี 2024
Lexus LBX Luxury ได้ถูกนำเสนอภายใต้ แนวคิด “Escape The Ordinary” นิยามใหม่ของความแตกต่าง และเพื่อเป็นการเชื่อมต่อแบรนด์และกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มาพร้อมคุณภาพเหนือระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Premium Casual” เรียบหรูและโดดเด่นด้วย “Resolute Look” การออกแบบภายนอกที่สะท้อนบทใหม่ของเลกซัส และแสดงถึงตัวตนของ LBX ได้อย่างชัดเจน ดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังออกแบบมาอย่างประณีต อาทิเช่น ชิ้นส่วนลดแรงต้านรูปทรงครีบบริเวณกันชนด้านหน้า ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้สเกิร์ตยิ่งขึ้น เสาด้านหลังแต่งฟิล์มลายเส้นพื้นผิวแมทสลับกลอสซี่บนพื้นสีดำ กลมกลืนไปกับดีไซน์ของรถเมื่อมองจากระยะไกล และเผยให้เห็นถึงผิวสัมผัสที่มีความพิเศษเมื่อมองจากระยะใกล้ ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของ LBX ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Tazuna Concept” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างผู้ขี่ม้าและสายควบคุมม้า ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของ LBX ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Tazuna Concept” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างผู้ขี่ม้าและสายควบคุมม้า

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Lexus
   รุ่น                  เลกซัส Lexus-LBX Luxury-ปี 2024
   ประเภทรถ         รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว          2024
   ราคา               2,229,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (with BSM)
ไฟหน้า (ปรับไฟสูงอัตโนมัติ)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ระบบประตูนิรภัยอัจฉริยะ)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (พร้อมเซ็นเซอร์ควบคุมการปัดอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (1-LED)
ขนาดยางหน้า-หลัง (225/60R17)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)

   ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Synthetic Leather)
กระจกมองหลังตัดแสง (แัตโนมัติและด้านข้าง)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (กระจกแต่งหน้า(สำหรับที่นั่งตอนหน้า))
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ECO / Normal,ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (EV Mode))
พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS (Electric Power Steering))

สเปค
   เครื่องยนต์
1.5-liter L-3  12-valve DOHC,Chain Drive (With Dual VVT-i) กำลัง 90 แรงม้า แรงบิด 120 นิวตันเมตร / มอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous alternating current motor (Permanent magnet type) กำลัง 92 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร กำลังรวมทั้งระบบ 134 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชใ. ใน 9.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.32 กม./ลิตร ค่าเฉี่ยมลพิษ Co2 85 กรัม/กม. และ มาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO6

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,490 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    90 แรงม้า
   ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                   E-CVT
   ระบบเบรค ABS               มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), ไฮบริด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      36 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน              EFI (Electronic Fuel Injection System)
   น้ำหนักตัวรถ                 1,755 กก.
   ประเภทยางรถยนต์           -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)               ล้ออัลลอย (17 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน              ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัย
  อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VSC)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ไฟเบรกดวงที่ 3
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser & Alarm)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (,ระบบช่วยเบรค (BA))
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบติดตามช่องทางวิ่ง)
เข็มขัดนิรภัย (แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและลดแรงกระชาก (สำหรับที่นั่งตอนหน้า),แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ (สำหรับที่นั่งตอนหลัง))
กระจกนิรภัย (กระจกหน้าตัดแสง UV พร้อมระบบดูดซับเสียง,กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้า-หลัง)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (พร้อมระบบเบรคอัตโนมัติ)
กล้อง (มองภาพด้านหลังขณะถอยจอด)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (แบบ ISO FIX-Compliant (สำหรับที่นั่งตอนหลัง))
ระบบเตือนแรงดันลมยาง

7
รถยนต์ไฟฟ้า 2024: อาวดี้ Audi Q6 e-tron Performance ปี 2024
4,699,000 บาท

อาวดี้ Audi Q6 e-tron Performance ปี 2024
Audi Q6 e-tron Performance รถพรีเมียมเอสยูวีเทคโนโลยีไฟฟ้า 100% Mid-size SUV ที่ขนาดลงตัวที่สุด และยังเป็นรุ่นแรกของอาวดี้ที่ผลิตบนแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่เรียกว่า Premium Platform Electric (PPE) ซึ่งได้รับการพัฒนาและยกระดับในหลากหลายมิติ ใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตำแหน่ง กำลังสูงสุดที่ 322 แรงม้า (ในโหมด Launch control) แรงบิด 485 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) DC maximum charging capacity 260 kW ความจุพลังงานแบตเตอรีไฟฟ้าแรงสูง100 kWh มีอัตราเร่งสูงสุดจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                 Audi
   รุ่น                      อาวดี้ Audi Q6 e-tron Performance ปี 2024
   ประเภทรถ             รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว             2024
   ราคา                  4,699,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (S line รอบคัน)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (และระบบตัดแสง)
ไฟตัดหมอก
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์หน้า-หลัง พร้อมเส้นช่วยในการนำรถเข้าจอด)
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟท้าย LED (มาพร้อมกับ Light staging)
ราวหลังคา
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ช่องชาร์จไฟ AC 2 ตำแหน่ง และ DC 1 ตำแหน่ง)
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (S Sport)
ไฟหน้า LED (Matrix LED กว่า 61 ดวงที่สามารถปรับการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนการแสดงผลได้ถึง 8 แบบ มาพร้อมกับ Light staging)
ขนาดยางหน้า-หลัง (255/50R20 (หน้า) 285/45R20 (หลัง))
ไฟ Daytime Running Lights (แบบ LED)
ล้ออัลลอย (ลาย 5-double-arm Falx rims ขนาด 20 นิ้ว)
ยางอะไหล่สำรอง (ได้ชุดปะยางฉุกเฉิน)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (ลาย Matte Brushed Aluminium)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
กระจกมองหลังตัดแสง
ม่านบังแดด (ประตูหลังซ้าย-ขวา)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (Smart door panel ควบคุมไฟหน้ารถ,การปรับกระจก,การบันทึกตำแหน่งที่นั่งผู้ขับขี่และที่ล็อคประตูฝั่งคนขับ)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (Audi drive select)
พวงมาลัยไฟฟ้า (แบบ Progressive)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                     มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตำแหน่ง 302 แรงม้า กำลังสูงสุดที่ 322 แรงม้า (ในโหมด Launch control) แรงบิด 485 นิวตันเมตร 
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        แรงม้า
   ระบบเกียร์                         เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                       Single Gear
   ระบบเบรค ABS                    มี
   ชนิดแบตเตอรี่                    ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                 100 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง   714 กิโลเมตร (NEDC) และ 641 กิโลเมตร (WLTP)
   น้ำหนักตัวรถ                     2,275 กก.
   ประเภทยางรถยนต์                -
  ขนาดล้อ (นิ้ว)                    ล้ออัลลอย (ลาย 5-double-arm Falx rims ขนาด 20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                  ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (,ป้องกันล้อหมุนฟรี)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท (แบบ Comfort Key)
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (ด้านหน้า ด้านข้าง และ ด้านหลัง)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านหน้ารถเมื่ออยู่ทางแยก,ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง,ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ)
เข็มขัดนิรภัย
อื่นๆ (ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน,ระบบช่วยหักเลี้ยวพวงมาลัยในกรณีฉุกเฉิน,)
ระบบ intelligence around view monitor กล้องมองภาพรอบทิศทาง
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (เมื่อเปลี่ยนเลน)
เบรกมือไฟฟ้า (,ระบบล๊อคเบรกขณะหยุดนิ่ง)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (,ชุดปฐมพยาบาล)
เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย

8
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphomas)

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นมะเร็งของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์* ซึ่งเกิดขึ้นที่ระบบน้ำเหลือง (lymph system) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หลัก ๆ ประกอบด้วยต่อมไทมัส ม้าม ไขกระดูก และต่อมน้ำเหลือง (ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วร่างกาย ตามคอ รักแร้ ข้อพับแขน ข้อพับขา ช่องอก ช่องท้อง และอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองจึงอาจเริ่มเกิดขึ้นได้ที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หรืออวัยวะอันใดอันหนึ่ง เช่น กระเพาะ ลำไส้ ทอนซิล ตับ ตับอ่อน ปอด สมอง ไขสันหลัง

โดยภาพรวม โรคนี้พบได้มากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น พบมากสุดในช่วงอายุ 60-70  ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย ในบ้านเรามะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ในผู้ชาย และอันดับ 9 ในผู้หญิง

เนื่องจากลิมโฟไชต์มีอยู่หลายชนิดย่อย มะเร็งต่อมน้ำเหลืองจึงมีอยู่หลายชนิดย่อย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin lymphoma/HL) พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในช่วงอายุ 15-30 ปี และมากกว่า 55 ปี มะเร็งชนิดนี้จะตรวจพบเซลล์ผิดปกติที่เรียกว่า "เซลล์รีดสเทิร์นเบิร์ก (Reed-Sternberg cells)" ที่ต่อมน้ำเหลือง (ซึ่งจะไม่พบในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน) ในปัจจุบันมะเร็งชนิดนี้พบว่ามีอยู่ 6 ชนิดย่อยด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเริ่มเกิดอาการขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณส่วนบนของร่างกาย เช่น คอ ทรวงอก รักแร้

2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (non-Hodgkin lymphoma/NHL) พบได้มากกว่าชนิดฮอดจ์กิน (พบประมาณร้อยละ 85-90 ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งหมด) และมีการแพร่กระจายได้เร็ว พบได้ในคนทุกวัย และพบมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น มักพบบ่อยในคนอายุมากกว่า 60 ปี ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้ป่วยที่ผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ในปัจจุบันมะเร็งชนิดนี้พบว่ามีอยู่กว่า 60 ชนิดย่อยด้วยกัน มะเร็งชนิดนี้สามารถเริ่มเกิดอาการขึ้นที่ต่อมน้ำเหลืองส่วนใดของร่างกายก็ได้ และส่วนใหญ่เกิดจากการกลายพันธุ์ของลิมโฟไซต์ชนิดบี (B lymphocyte)

นอกจากนี้ เมื่อแบ่งตามการเจริญของมะเร็ง มะเร็งชนิดนอนฮอดจ์กินนี้ยังแบ่งเป็น 2 ชนิดย่อย ได้แก่ ชนิดค่อยเป็นค่อยไป หรือ indolent (ซึ่งมีอัตราการแบ่งตัวของมะเร็งค่อนข้างช้า แต่มักจะรักษาได้ไม่หายขาด) กับชนิดรุนแรง หรือ aggressive (ซึ่งมีอัตราการแบ่งตัวของมะเร็งเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตได้ภายใน 6 เดือน-2 ปี แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องมีโอกาสที่จะหายขาดได้)

อย่างไรก็ตาม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทุกชนิดมีอาการและวิธีรักษาคล้ายคลึงกัน ส่วนผลการรักษาจะแตกต่างกัน ขึ้นกับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อการรักษา

* ลิมโฟไซต์ (lymphocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม แบ่งเป็นชนิดบีกับชนิดที

ลิมโฟไซต์ชนิดบี (B lymphocyte) ทำหน้าที่สร้างสารภูมิต้านทาน (antibody) คือ อิมมูโนโกลบูลิน (immunoglobulin) จำเพาะต่อเชื้อโรคชนิดหนึ่ง ๆ ซึ่งไหลเวียนอยู่ในเลือดและสารน้ำทั่วร่างกาย (เรียกว่า humoral immunity)

ลิมโฟไซต์ชนิดที (T lymphocyte) ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของลิมโฟไซต์ชนิดบี โดย helper T cell สร้างสารลิมโฟไคน์ (lymphokines) ในการควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำลายเชื้อโรคโดยตรงโดย killer (cytotoxic) T cell (เรียกว่า cell mediated Immunity)   

สาเหตุ

ปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ชัดเจน แต่ผู้ป่วยบางรายอาจพบมีความสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ (ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากขึ้นในคนบางคน)

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การมีประวัติมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ชนิดใดชนิดหนึ่ง) ในครอบครัว การมีประวัติการติดเชื้อไวรัสอีบีวี (EBV หรือ Epstein-Barr virus เช่น โรค infectious mononucleosis)

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยง  ได้แก่ การติดเชื้อไวรัส (เช่น ไวรัสตับอักเสบซี, ไวรัสเอชทีแอลวี-1 หรือ HTLV-1, ไวรัสอีบีวี หรือ EBV, เอชไอวี), การติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น เชื้อเฮลิโคแบกเตอร์ไพโลไร ซึ่งทำให้เกิดโรคแผลเพ็ปติก), ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยที่ผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ), ผู้ที่เป็นโรคภูมิต้านตัวเอง (เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เอสแอลอี), การสัมผัสสารเคมีบางชนิด (เช่น เบนซิน ยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้าบางชนิด)

อาการ

อาการที่โดดเด่น คือ มีก้อนบวม (ของต่อมน้ำเหลือง) ที่ข้างคอ รักแร้ หรือขาหนีบ นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นแรมเดือนโดยไม่รู้สึกเจ็บ บางรายอาจมีก้อนขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง

บางรายอาจมีไข้เรื้อรังโดยตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติอื่น ๆ หรืออาจมีไข้สูงอยู่หลายวันสลับกับไม่มีไข้หลายวัน อาจมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ เหงื่อออกตอนกลางคืน หนาวสั่น ทอนซิลโต หรือคันตามผิวหนัง

ผู้ป่วยอาจมีอาการที่เกิดจากก้อนมะเร็งต่อมน้ำเหลืองกดถูกอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น

    ถ้าเกิดในช่องอก ทำให้มีอาการไอ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม แขนบวม
    ถ้าเกิดในช่องท้อง ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก เบื่ออาหาร ดีซ่าน
    ถ้าเกิดในลำไส้เล็ก ทำให้มีอาการน้ำหนักลด ท้องเดิน ลำไส้ไม่ดูดซึมอาหาร
    ถ้าเกิดที่ขาหนีบ อาจมีอาการขาบวมจากภาวะอุดกั้นทางเดินน้ำเหลือง
    ถ้าเกิดในสมอง ไขสันหลังหรือระบบประสาท ทำให้มีอาการปวดศีรษะ แขนขามีอาการปวด หรือชาหรืออ่อนแรง เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อน

มักเกิดจากการที่มีก้อนของมะเร็งไปกดหรือทำลายอวัยวะต่าง ๆ เช่น ทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของระบบไหลเวียนเลือดหรือน้ำเหลือง ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ (อาจทำให้เกิดภาวะไตวายตามมาได้) เป็นต้น

ถ้ามะเร็งลุกลามเข้าสมอง ไขสันหลัง หรือกดถูกเส้นประสาทสันหลัง ก็ทำให้ปวดศีรษะ แขนขามีอาการปวด หรือชา หรืออ่อนแรง

ถ้ามะเร็งลุกลามเข้าไขกระดูก ก็ทำให้สร้างเม็ดเลือดทุกชนิดไม่ได้ ทำให้เกิดภาวะซีด เลือดออกง่าย และติดเชื้อง่าย ซึ่งอาจรุนแรงจนเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้

ถ้ามีก้อนมะเร็งที่กระเพาะอาหาร นอกจากเกิดภาวะกระเพาะอาหารอุดกั้นแล้ว ยังอาจมีเลือดออก (อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และตรวจร่างกายพบสิ่งผิดปกติ ที่สำคัญคือ ตรวจพบก้อนบวมของต่อมน้ำเหลืองที่คอ รักแร้หรือขาหนีบ ลักษณะแข็ง ไม่เจ็บ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 ซม.

บางรายอาจพบว่ามีไข้ ทอนซิลโต ตับโต ม้ามโต ดีซ่าน แขนขาบวม แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด หรือมีจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตัดต่อมน้ำเหลืองนำไปตรวจพิสูจน์ (lymph node biopsy) ซึ่งจะพบลักษณะของเซลล์ที่เป็นมะเร็ง สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินจะพบเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า "เซลล์รีดสเทิร์นเบิร์ก (Reed-Sternberg cells)"

แพทย์จะทำการตรวจเลือด (เช่น ดูจำนวนของเม็ดเลือดต่าง ๆ การทำงานของตับ ไต) ตรวจไขกระดูก (ตรวจหาเซลล์มะเร็งในไขกระดูก)

นอกจากนี้ แพทย์จะทำการประเมินภาวะแทรกซ้อนและระยะของโรค ด้วยการเอกซเรย์ปอด ถ่ายภาพอวัยวะตามส่วนต่าง ๆ (เช่น ทรวงอก ช่องท้อง สมอง ไขสันหลัง) ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเพตสแกน (PET scan) และ/หรือทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะทำการรักษาโดยพิจารณาจากชนิดและระยะของโรคมะเร็งต่อมนำเหลือง

ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดเจริญช้า (หรือชนิดค่อยเป็นค่อยไป) และมีอาการยังไม่มาก แพทย์จะเฝ้าติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลง และนัดมาตรวจ (เช่น ตรวจเลือด ตรวจทางรังสี) เป็นระยะ จนกว่าจะมีอาการมากขึ้นจึงจะให้การรักษา

ในรายที่มีอาการมาก หรือเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดเจริญหรือลุกลามเร็ว แพทย์ก็จะให้การรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดเพียงอย่างเดียว หรือร่วมกันทั้งสองอย่าง ขึ้นกับชนิดและระยะของโรค เช่น ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน ส่วนใหญ่จะให้การรักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว หรือเคมีบำบัดร่วมกับรังสีบำบัด หรือเคมีบำบัดร่วมกับการให้ยาสเตียรอยด์

ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 1 (พบเพียงบริเวณเดียว) และเป็นชนิดไม่รุนแรง ก็สามารถให้รังสีบำบัดเพียงอย่างเดียว

ในรายที่เป็นชนิดรุนแรงหรือระยะท้าย ๆ ก็จำเป็นต้องให้เคมีบำบัดร่วมกับรังสีบำบัด และยาอื่น ๆ เช่น ยารักษาแบบมุ่งเป้า (targeted drugs เช่น rituximab) ยาอิมมูนบำบัด (immunotherapy drugs) เป็นต้น

ในรายที่มีการเกิดโรคกลับ (relapse) แพทย์จะให้เคมีบำบัดด้วยขนาดยาที่สูง และทำการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิด ก็มักช่วยให้มีชีวิตยืนยาวขึ้นหรือหายได้

ผลการรักษา ขึ้นกับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อการรักษา

ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ มักจะได้ผลดี สามารถหายเป็นปกติ และมีชีวิตที่ยืนยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน

ถ้าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะท้าย หรือชนิดรุนแรง (เจริญเร็ว) การรักษาก็มักจะได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร


การแบ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 1: มีรอยโรคที่ต่อมน้ำเหลือง บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกายเพียงแห่งเดียว (เช่น คอด้านซ้ายหรือด้านขวา หรือรักแร้ด้านซ้ายหรือด้านขวา หรือขาหนีบด้านซ้ายหรือด้านขวา) หรือมีรอยโรคที่นอกต่อมน้ำเหลือง (คือที่อวัยวะอันใดอันหนึ่งภายในร่างกาย) เพียงแห่งเดียว

ระยะที่ 2: มีรอยโรคของต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 2 ตำแหน่งขึ้นไป (เช่น คอด้านซ้ายกับคอด้านขวา หรือคอด้านซ้ายกับรักแร้ด้านซ้าย หรือขาหนีบด้านซ้ายกับขาหนีบด้านขวา) หรือมีรอยโรคที่อวัยวะอันใดอันหนึ่งและที่ต่อมน้ำเหลือง 1 ตำแหน่งหรือมากกว่า โดยที่รอยโรคทั้งหมดยังจำกัดอยู่ในบริเวณที่อยู่เหนือกะบังลมขึ้นไปด้วยกัน หรือในบริเวณที่อยู่ใต้กะบังลมลงมาด้วยกัน

ระยะที่ 3: มีรอยโรคของต่อมน้ำเหลือง ทั้งที่ในบริเวณที่อยู่เหนือกะบังลมขึ้นไป และในบริเวณที่อยู่ใต้กะบังลมลงมาพร้อมกัน (เช่น คอกับขาหนีบ รักแร้กับขาหนีบ) และอาจพบรอยโรคที่อวัยวะนอกต่อมน้ำเหลือง และ/หรือที่ม้ามร่วมด้วย

ระยะที่ 4: มีรอยโรคที่กระจายไปที่อวัยวะต่าง ๆ (เช่น ปอด ตับ ไขกระดูก สมอง ไขสันหลัง กระเพาะ ลำไส้ กระดูก) มากกว่า 1 ตำแหน่ง โดยไม่นับรวมม้ามกับต่อมไทมัส


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น คลำได้ก้อนบวมของต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอ รักแร้ หรือขาหนีบ หรือมีไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ)  ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์และทีมสุขภาพที่ดูแล


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้อไวรัสบางชนิด (เช่น เอชไอวี) สารเคมีบางชนิด (เช่น เบนซิน ยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้าบางชนิด) เป็นต้น อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองไม่ใช่โรคติดต่อ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหรือเป็นญาติพี่น้องกับผู้ป่วย ไม่ต้องกลัวว่าจะติดโรคจากผู้ป่วย

2. การรักษากับแพทย์ในโรงพยาบาลให้ผลดีมากกว่าการไม่รักษา ผู้ป่วยควรมีกำลังใจเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องตามที่แพทย์นัด และอดทนต่อผลข้างเคียงของการใช้ยาเคมีบำบัด (เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร) ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งมักเป็นเพียงชั่วคราว

3. ในปัจจุบันมีการพัฒนาวิธีการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ ๆ (ซึ่งใช้สะดวก ได้ผลดีและมีผลข้างเคียงน้อย) และการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น หรือบางรายอาจหายขาดได้

4. เนื่องจากมะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาจเกิดขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็ได้ โรคนี้จึงมีอาการแสดงได้หลากหลาย ขึ้นกับตำแหน่งที่เกิดขึ้นของมะเร็ง และระยะของโรค

อาการที่เห็นได้ชัด คือ ก้อนบวมที่พบและคลำได้จากภายนอก เช่น ก้อนที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ แต่บางรายอาจเกิดขี้นที่อวัยวะภายใน โดยไม่พบก้อนที่ภายนอกก็ได้ ดังนั้นผู้ที่มีอาการเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่พบในระยะแรก เช่น ไอเรื้อรัง (ทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคหลอดลมหรือโรคปอด ซึ่งแพทย์อาจลองตรวจรักษาแบบโรคหลอดลมหรือโรคปอดแล้วไม่ได้ผล) ปวดท้องเรื้อรัง (ทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งแพทย์อาจลองตรวจรักษาแบบโรคกระเพาะแล้วไม่ได้ผล) ปวดศีรษะเรื้อรัง แขนขาชาหรืออ่อนแรง (ทำให้เข้าใจว่าเป็นโรคของสมองหรือระบบประสาท ซึ่งแพทย์อาจลองตรวจรักษาแบบโรคของสมองหรือระบบประสาทแล้วไม่ได้ผล) ก็ควรมีความอดทน และติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง แพทย์ก็จะทำการตรวจด้วยวิธีต่าง ๆ เพิ่มเติม ในที่สุดก็มักจะตรวจพบร่องรอยของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกาย

9
หมอออนไลน์: มะเร็งไต (Kidney cancer)

มะเร็งไต พบได้ประมาณร้อยละ 2 ของมะเร็งทั้งหมด ส่วนใหญ่ (ราวร้อยละ 90 ของมะเร็งไตทั้งหมด) เป็นมะเร็งไตชนิดเซลล์เนื้อเยื่อไต (renal cell carcinoma/RCC) ซึ่งพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า พบมากในช่วงอายุ 50-70 ปี พบได้น้อยในคนอายุต่ำกว่า 45 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างเดียว พบเป็นทั้ง 2 ข้างประมาณร้อยละ 2-5

ในเด็กเล็กก็อาจเป็นมะเร็งไตที่มีชื่อว่า เนื้องอกวิล์มส์ (Wilms’ tumor) มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามะเร็งไตชนิด renal cell carcinoma มีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การสูบบุหรี่
    ภาวะอ้วน
    ความดันโลหิตสูง
    การล้างไตโดยการฟอกเลือด (hemodialysis) ในผู้ป่วยไตวายเป็นระยะยาวนาน
    การสัมผัสสารเคมี (เช่น แคดเมียม ใยหิน ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปิโตรเลียม สารเคมีกำจัดวัชพืช ไตรคลอโรเอทิลีน เป็นต้น)
    การมีประวัติมะเร็งไตในครอบครัว
    การมีประวัติเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น Birt-Hogg-Dube syndrome, von Hippel-Lindau disease, tuberous sclerosis complex, familial renal cancer หรือ hereditary papillary renal cell carcinoma

ส่วนมะเร็งไตเด็ก (เนื้องอกวิล์มส์) เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางกรรมพันธุ์

อาการ

ในผู้ใหญ่ ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการ พบมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก

ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปัสสาวะเป็นเลือด ปวดเอวหรือสีข้างข้างหนึ่งอย่างเรื้อรัง คลำได้ก้อนในบริเวณสีข้าง อาจมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด ซีด มีไข้เป็นพัก ๆ ร่วมด้วย มะเร็งอาจแพร่กระจายไปที่ตับ ปอด สมอง กระดูก

ส่วนมะเร็งไตเด็ก เด็กจะมีอาการท้องโต และคลำได้ก้อนในท้อง


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้มีภาวะซีด (โลหิตจาง) จากการปัสสาวะเป็นเลือดรุนแรงหรือเรื้อรัง ความดันโลหิตสูงที่อาจควบคุมได้ยาก

เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป เช่น ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ), สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชา และเป็นอัมพาต ชัก)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ ตรวจอัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพรังสีกรวยไตโดยการฉีดสารทึบรังสี (intravenous pyelogram/IVP) และทำการตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน-PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับรังสีบำบัด เคมีบำบัด และ/หรืออิมมูนบำบัด

ผลการรักษาขึ้นกับชนิดและระยะของโรค

สำหรับมะเร็งไตที่พบในผู้ใหญ่ มักจะตรวจพบในระยะลุกลามหรือแพร่กระจายแล้ว การรักษาจึงไม่สู้จะได้ผลดี

ถ้าเป็นระยะที่ลุกลามไปบริเวณข้างเคียง มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 50-75

ถ้าเป็นระยะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีต่ำกว่าร้อยละ 10

แต่ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 80

สำหรับเนื้องอกวิล์มส์ (Wilms’ tumor) ที่พบในเด็ก หากเป็นชนิดที่ไม่รุนแรง (ลุกลามช้า) มักจะรักษาให้หายได้ถึงร้อยละ 85-90 แต่ถ้าเป็นชนิดที่รุนแรง (ลุกลามเร็ว) ก็จะได้ผลต่ำกว่าชนิดที่ไม่รุนแรง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด, ปวดเอวหรือสีข้างข้างหนึ่งอย่างเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ, น้ำหนักลด, คลำได้ก้อนในบริเวณสีข้าง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งไต ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเซลล์เนื้อเยื่อไตด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการออกกำลังกาย ลดอาหารที่มีแคลอรี่สูง และกินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ควบคุมโรคความดันโลหิตสูงให้ได้ผล
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี (เช่น แคดเมียม สารเคมีกำจัดวัชพืช ไตรคลอโรเอทิลีน เป็นต้น)

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือปวดเอว (สีข้าง) ข้างหนึ่งเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

10
ดอกเบี้ยเงินฝาก: มัดรวมบัญชีเงินฝากสำหรับเด็ก บัญชีไหนถูกใจวัยทีน

ใกล้ปิดเทอมแล้ว แต่เรื่องของการออมเงินไม่มีวันปิดเทอมนะคะ ออมได้เรื่อยๆ ไม่ต้องมีวันหยุด โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ควรสร้างวินัยในการออม ออมสม่ำเสมอให้เป็นนิสัย อนาคตจะได้มีเงินเก็บไว้ใช้ สดใสแน่นอนค่ะ และวันนี้…เราจะมาแนะนำบัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับเด็กที่น่าสนใจ ออมง่าย ได้ดอกเบี้ยสูง มาให้ลองเลือกบัญชีที่ถูกใจไว้เตรียมเปิดบัญชีรับปิดเทอมกันเลย

ธนาคารกรุงไทย
บัญชีเงินฝากจากธนาคารกรุงไทยสำหรับผู้เยาว์ จะช่วยปลูกฝังวินัยการออมให้เด็กๆ เป็นบัญชีที่ทำธุรกรรมง่าย ไม่ต้องฝากต่อเนื่องทุกเดือน พร้อมให้ดอกเบี้ยพิเศษเมื่อฝากมากกว่าถอน
 
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผู้เยาว์ (Krungthai Kids Savings)

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย อายไุม่เกิน 15 ปีบริบรูณ์ ณ วันที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผ้เูยาว์ (Krungthai Kids Savings)
สามารถเปิดบัญชีได้เพียงคนละ 1 บัญชีเท่านั้น
จำนวนเงินที่เปิดบัญชีขั้นต่ำ 2,000 บาท สำหรับการฝากเงินครั้งต่อไปไม่จำกัดจำนวนเงินฝาก โดยยอดเงินรับฝากรวมสงูสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท และยอดเงินที่ใช้ในการคำนวณโบนัสไม่เกิน 1,000,000 บาท
ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยทุกวันสิ้นเดือนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผ้เูยาว์ (Krungthai Kids Savings)
ธนาคารจะจ่ายโบนัสให้แก่ผ้ฝูากในกรณีที่ผ้ฝูากมียอดเงินที่นำฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผ้เูยาว์ มากกว่ายอดเงินที่มีการถอน ในอัตรา 100 % ของยอดดอกเบี้ยที่ได้รับทุกวันต้นเดือนถัดจากเดือนที่จ่ายดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผ้เูยาว์ ยอดเงินรับฝากสูงสุดที่ใช้ในการคำนวณโบนัสไม่เกิน 1,000,000 บาท
กรณีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผ้เูยาว์ ไม่มียอดเงินฝาก และ/หรือเงินอื่นใดคงเหลือในบัญชีและไม่เคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปีธนาคารจะทำการปิดบัญชีโดยอัตโนมัติ
อัตราดอกเบี้ย : 0.30% ต่อปี
 
หมายเหตุ : เมื่อผ้ฝูากเงินอายุครบ 15 ปีบริบรูณ์ธนาคารจะทำการปรับผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์พิเศษสำหรับผ้เูยาว์ (Krungthai Kids Savings) ที่ผู้ฝากได้ฝากอยู่ไปเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ปกติของธนาคาร โดยจะทำการปรับในวันต้นเดือนถัดจากเดือนเกิดที่ผู้ฝากเงินอายุครบ 15 ปีบริบรูณ์
 
ดูบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารกรุงไทย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ธ.ก.ส. อาจจะเน้นบัญชีสำหรับกลุ่มลูกค้าเกษตรกรเป็นสำคัญ แต่จริงๆ แล้ว ธ.ก.ส. มีบัญชีให้บริการสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกวัยค่ะ มีบัญชีบัญชีเงินฝากสำหรับเด็กที่ให้ดอกเบี้ยสูง และยังมีโอกาสได้รับเงินโบนัสเพิ่มเติมอีกด้วย

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ Young Smart eSavings

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก
สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา อายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ถึง 22 ปีบริบูรณ์ และเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ
ฝากเงินครั้งแรก และฝากเงินครั้งต่อไปไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำ และไม่จำกัดจำนวนเงินสูงสุด
ต้องสมัครใช้บริการแอปพลิเคชัน BAAC Mobile
เปิดบัญชีผ่าน BAAC Mobile เท่านั้น
เปิดบัญชีได้คนละ 1 บัญชี และเป็นบัญชีเจ้าของคนเดียว (Single) เท่านั้น
สามารถเปิดบัญชีได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เปิดบัญชีเงินฝากจำนวนเงิน 0 (ศูนย์) บาท ได้
อัตราดอกเบี้ย : คิดอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดตามยอดเงินฝากคงเหลือ ณ สิ้นวัน
ยอดเงินฝากไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 1.50% ต่อปี
ยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 100,000 บาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี
หมายเหตุ : เมื่อผู้ฝากมีอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ บัญชีเงินฝาก Young Smart eSavings จะเปลี่ยนเป็นประเภทเงินฝากออมทรัพย์ ได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ตามประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือน ถัดจากเดือนที่ผู้ฝากอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์
 

บัญชีเงินฝากออมดีมีโบนัส

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีสำหรับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 7 ปีบริบูรณ์ ถึง 15 ปีบริบูรณ์
ระยะเวลาโครงการ 5 ปี นับจากวันที่เปิดบัญชีเงินฝาก (ครบกำหนดแบบวันชนวัน)
เปิดบัญชีเงินฝากได้คนละ 1 บัญชี และเป็นบัญชีเจ้าของคนเดียวเท่านั้น (ไม่รับเปิดบัญชีเงินฝากร่วม หรือ บัญชีเพื่อผู้เยาว์)
เปิดบัญชีและฝากเงินไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท
ต้องฝากอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยเดือนละ 1,000 บาท นับตามจำนวนเดือนที่ฝากจริง (รับฝากเงินได้
ทุกช่องทางโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง)
จำนวนเงินคงเหลือทุกสิ้นเดือน ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 เดือนต่อปีนับตามจำนวนเดือนที่ฝากจริง โดยจำนวนเงินที่ขาดฝากให้ฝากเพิ่มได้ในเดือนถัดไป หรือฝากล่วงหน้าได้ไม่จำกัดจำนวนเงิน
จ่ายโบนัสเป็นรายปี
กรณีผิดเงื่อนไขการฝากเงินทุกกรณีธนาคารไม่เรียกคืนเงินโบนัส (ถ้ามี)
บัญชีที่มีสิทธิรับเงินโบนัส
=>ฝากเงินครบ 1 ปี ภายในวันที่เปิดบัญชีของเดือนที่ครบกeหนด เช่น เปิดบัญชีวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 วันครบกำหนดมีสิทธิได้รับเงินขวัญถุงปีที่ 1 คือวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566
=>จ่ายโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์โครงการอัตโนมัติในวันที่ครบอายุการฝากในแต่ละปี
การจ่ายเงินโบนัส
=>ฝากต่อเนื่องครบ 1 ปี ได้รับเงินโบนัส จำนวน 200 บาท
=>ฝากต่อเนื่องครบ 2 ปี ได้รับเงินโบนัส จำนวน 300 บาท
=>ฝากต่อเนื่องครบ 3 ปี ได้รับเงินโบนัส จำนวน 600 บาท
=>ฝากต่อเนื่องครบ 4 ปี ได้รับเงินโบนัส จำนวน 800 บาท
=>ฝากต่อเนื่องครบ 5 ปี ได้รับเงินโบนัส จำนวน 1,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย : 0.35% ต่อปี
 
หมายเหตุ : การถอนเงินฝากบางส่วน และมีจำนวนเงินคงเหลือ ณ สิ้นเดือน ขาดฝากเกินกว่า 2 เดือน นับตามจำนวนเดือนที่ฝากจริง และไม่ฝากเพิ่มในยอดที่ขาดฝาก ณ วันสิ้นเดือน บัญชีจะหลุดจากโครงการ


ธนาคารยูโอบี
ธนาคารยูโอบีมีบัญชีเงินฝากสำหรับเด็กเพื่อช่วยสร้างนิสัยการออมให้บุตรหลาน เพื่ออนาคตที่สดใส พ่วงด้วยดอกเบี้ยที่สูงกว่า
 
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยูโอบี จูเนียร์
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีสำหรับเด็กแรกเกิด ถึง 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันเปิดบัญชี เท่านั้น
เปิดบัญชีขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
จำกัด 1 บัญชีต่อคนเท่านั้น
ฝาก – ถอนเงินได้ไม่จำกัดจำนวนเงิน และจำนวนครั้งผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารทุกสาขา
อัตราดอกเบี้ย : 0.65% ต่อปี
 
หมายเหตุ :
สำหรับบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหวเป็นระยะเวลา 12 เดือนติดต่อกัน และมียอดคงเหลือ ณ สิ้นเดือนต่ำกว่า 5,000 บาท ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี 100 บาท/เดือน ต่อ 1 บัญชี (บัญชีไม่เคลื่อนไหว คือ บัญชีที่ไม่มีรายการฝาก-ถอน-โอน-จ่าย ไม่รวมรายการอัตโนมัติจากระบบ เช่น  Auto Direct Debit  มาเป็นระยะเวลา 12 เดือนติดต่อกัน) เมื่อถูกปรับเป็น "บัญชีไม่เคลื่อนไหว" ลูกค้าจะไม่สามารถทำรายการธุรกรรมธนาคารได้
การปรับสถานะของบัญชีจาก "บัญชีไม่เคลื่อนไหว" กลับมาเป็น "บัญชีปกติ" เจ้าของบัญชีจะต้องติดต่อสาขาเพื่อแสดงตนและทำรายการถอนเงินจากบัญชีดังกล่าว


ธนาคารออมสิน

เริ่มกันที่บัญชีเงินฝากจากธนาคารออมสินที่เชื่อว่าเด็กๆ ทุกคนต้องเคยเปิดบัญชีกับธนาคารออมสินอย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะช่วงวันเด็ก ธนาคารก็จะมีของขวัญของชำร่วยมาให้ได้เก็บสะสมกันอยู่เสมอ 
 

บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก Kids Now

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่มีอายุ 7 - 22 ปี
ต้องสมัครใช้บริการ และผูกบัญชีกับ LINE GSB NOW (LINE Official Account)
เปิดบัญชีขั้นต่ำ 100 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด
ไม่กำหนดระยะเวลารับฝาก
สามารถถอนครั้งละเท่าใดก็ได้
มีกิจกรรมร่วมสนุกผ่าน LINE GSB NOW ระหว่างวันที่ 13 ม.ค. - 30 พ.ย. 67
=>Welcome Point รับ 5 Point เมื่อเปิดบัญชีใหม่ และผูกบัญชีกับ LINE GSB NOW (วันนี้ - 31 มี.ค. 67)
=>Welcome Point รับ 1 Point เมื่อเปิดบัญชีใหม่ และผูกบัญชีกับ LINE GSB NOW (1 เม.ย. - 30 พ.ย. 67)
=>รับ 1 Point กรณีมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 1,000 บาท
=>รับ 1 Point กรณีสมัครใช้บริการบัตรเดบิตออมสิน
*สามารถแลกของรางวัลได้เมื่อสะสมคะแนนครบทุกๆ 5 คะแนน
อัตราดอกเบี้ย : 0.60% ต่อปี
 
หมายเหตุ : กรณีผู้ฝากอายุ 22 ปีขึ้นไป และไม่มาติดต่อฝากหรือถอนภายในระยะเวลา 1 ปี นับถัดจากวันที่มีรายการติดต่อกับธนาคารครั้งสุดท้าย และมียอดเงินคงเหลือต่่ากว่า 500 บาท จะเรียกเก็บค่ารักษาบัญชี 20 บาทต่อเดือน
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับนักเรียน นักศึกษา
เปิดบัญชีขั้นต่ำ 100 บาท ฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 50 บาท
เปิดบัญชีได้เพียง 1 คนต่อ 1 บัญชีเท่านั้น
ไม่กำหนดระยะเวลารับฝาก
สามารถถอนเงินวันละกี่ครั้งก็ได้ ถอนครั้งละเท่าใดก็ได้
อัตราดอกเบี้ย :
ยอดเงินต่ำกว่า 100,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.55% ต่อปี
ยอดเงินตั้งแต่ 100,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.30% ต่อปี
หมายเหตุ : เมื่อผู้ฝากอายุครบ 23 ปีบริบูรณ์ ยอดเงินฝากคงเหลือทั้งหมดจะได้รับดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเผื่อเรียก
 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์
 
ธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นอีกหนึ่งสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับบัญชีสำหรับผู้เยาว์ หรือเยาวชน มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับเด็กที่ให้ดอกเบี้ยสูง ให้เลือกฝาก ดังนี้
 
บัญชีเงินฝาก ธอส. รักการออม
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับกลุ่มลูกค้าเด็ก นักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่แรกเกิด ถึง อุดมศึกษา (แรกเกิด - 24 ปีบริบูรณ์)
วงเงินเปิดบัญชีตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป
กรณีผู้เยาว์เปิดบัญชีขั้นค่ำตั้งแต่ 50 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ไม้ต้องให้ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้ปกครองตามคำสั่งศาลมาแสดงตนวันเปิดบัญชี แต่ต้องมีเอกสารการเปิดบัญชีตามที่ธนาคารกำหนด
ลูกค้า 1 ราย สามารถเปิดบัญชีได้ไม่เกิน 5 บัญชี
หากเงินในบัญชีคงเหลือไม่ถึง 50 บาท ธนาคารจะไม่คิดดอกเบี้ยให้
หากฝากเป็นประจำต่อเนื่องทุกเดือน ครบ 12 เดือน นับจากเดือนที่เปิดบัญชีโดยไม่มีการถอน จะได้รับโบนัสพิเศษบวกเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปีถัดไปให้อีก 0.25% ต่อปี ของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์พิเศษตามที่ธนาคารประกาศ ณ ขณะนั้น
ถอนได้เดือนละ 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนเงินในการถอน ไม่เสียค่าธรรมเนียม
อัตราดอกเบี้ย : 0.60% ต่อปี
 
หมายเหตุ : หากเดือนใดมีการถอนมากกว่า 1 ครั้ง  ครั้งที่ 2 และครั้งต่อไปคิดค่าธรรมเนียมการถอนในอัตรา 1% ของจำนวนเงินที่ถอนแต่ต้องไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อครั้ง
 

บัญชีเงินฝาก Campus Savings
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากเฉพาะนักศึกษาที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป
ไม่รับเปิดบัญชีชื่อร่วม
ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการถอนเงิน
ได่รับบัตร ATM ฟรี และได่รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกบัตร และค่าธรรมเนียมรายปีเฉพาะปีแรก (เฉพาะกลุ่มลูกค้าบุคคลธรรมดา ที่ไม่เปิดบัญชีร่วมเท่านั้น)
อัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ตามประกาศธนาคาร บวก อัตราดอกเบี้ยเพิ่ม 0.25% ต่อปี
ยอดเงินต่ำกว่า 100,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.70% ต่อปี
ยอดเงินตั้งแต่ 100,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.70% ต่อปี
*อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 0.45% ต่อปี + 0.25% = 0.70%ต่อปี อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ตามประกาศ ณ วันที่ 4 ต.ค. 65
หมายเหตุ : หากเดือนใดมีการถอนมากกว่า 1 ครั้ง  ครั้งที่ 2 และครั้งต่อไปคิดค่าธรรมเนียมการถอนในอัตรา 1% ของจำนวนเงินที่ถอนแต่ต้องไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อครั้ง
 

11
ติดแบล็คลิส ขอสินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำได้มั้ย

คงไม่มีใครอยากมีหนี้สะสมจนติดแบล็คลิสหรือติดเครดิตบูโรหรอกนะคะ เพราะจะส่งผลต่อประวัติการเงินของเราไปอีกนาน แม้จะปิดหนี้นั้นได้แล้ว ก็ต้องรออีกหลายปีกว่าข้อมูลจะถูกอัปเดต สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะขอสินเชื่อ จะเลือกยังไงให้กู้ผ่าน เลือกสินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำจะกู้ผ่านมั้ย จะจัดการกับเครดิตบูโรเบื้องต้นยังได้บ้าง ไปทำความเข้าใจกันดีกว่าค่ะ ดูเพิ่มเติม "Blacklist" มีจริงมั้ย ติดแล้ว แก้ไขได้หรือเปล่า

สินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำ

ติดเครติดบูโร ขอสินเชื่อได้ยากหรือง่าย
"ยาก" เพราะธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีหนี้สินเยอะเกินไป ซึ่งส่งผลให้เห็นว่าเราไม่สามารถชำระหนี้ได้นั่นเอง แต่หลายๆ ธนาคารก็มีเคล็ดลับสำหรับคนที่ติดเครดิตบูโร แต่มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อนะคะ ว่าสามารถเข้าไปคุยกับธนาคารก่อน หรือลองทำตามเคล็ดลับ ดังนี้
 
1. รวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว
รวมหนี้บัตรเครดิต และหนี้อื่นๆ ไปจนถึงหนี้นอกระบบ ไว้เป็นก้อนเดียวแล้วนำไปขอสินเชื่อเพื่อการรวมหนี้ ซึ่งหากเราเหลือยอดหนี้ที่เป็นก้อนเดียว ก็สามารถปิดหนี้ได้เร็วและเป็นระบบมากขึ้น และเมื่อยื่นขอสินเชื่อใหม่ก็มีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อง่ายกว่านั่นเองค่ะ
 
2. ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ
เราสามารถนำสินทรัพย์ที่ใช้ได้อย่างเช่น บ้าน, ที่ดิน, บัญชีเงินฝาก ฯลฯ มาใช้ค้ำประกัน และการใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันก็ช่วยเพิ่มคะแนนหให้ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
 
3. หาคนมากู้ร่วม
การกู้ร่วมกันย่อมมีเครดิตที่ดีกว่าคนเดียวอยู่แล้ว แต่การกู้ร่วมจะสามารถกู้ร่วมได้กับคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น เช่น พ่อแม่, สามีภรรยา, พี่น้องครอบครัวเดียวกัน เป็นต้น
 
วิธีจัดการเครดิตบูโรก่อนขอสินเชื่อ
1. ปิดหนี้เก่า
การติดเครดิตบูโรก็คือการที่เราค้างชำระหนี้นั่นเอง วิธีแก้ไขก็คือชำระหนี้เดิมให้หมด เริ่มจากการขอพักชำระหนี้ และชำระหนี้ไปเรื่อยๆ จนหมด และปิดบัญชีให้เรียบร้อยนั่นเอง
 
2. สร้างสถานะเครดิตบูโรใหม่
เมื่อปิดหนี้เก่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาใหม่ อาจเริ่มจากการทำบัตรเครดิต แล้วผ่อนชำระให้ตรงเวลาเสมอ ก็เป็นการค่อย ๆ สร้างประวัติการชำระหนี้ให้ดีขึ้นมาได้
 
3. เมื่อติดเครบูโรแล้ว จะมีระยะเวลารอคอย
เมื่อปิดหนี้เก่า และสร้างประวัติใหม่ให้ดีกว่าเดิมแล้ว ก็ยังไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารได้ทันทีนะคะ ต้องเว้นระยะไปประมาณ 3 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคารด้วยค่ะ
 
สรุปแล้ว... คนที่ติดเครดิตบูโรก็สามารถยื่นขอสินเชื่อได้นะคะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย ทางที่ดีคือและสามารถป้องกันได้ก่อนติดเครดิตบูโรก็คือ มีวินัยในการใช้เงินและชำระหนี้ให้ตรงเวลานะคะ

12
บริหารจัดการอาคาร: เลือกกล้องวงจรปิดอย่างไร ให้เหมาะกับพื้นที่

ในปัจจุบัน สังคมของเรามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตมากมาย เรียกได้ว่า อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของใครหลายๆคน ทั้งนี้ หลายบ้านยังมีการนิยมติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตใช้ได้เข้าทั่วถึง สามารถใช้การสื่อสารได้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แถมระบบอินเตอร์เน็ตนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับกล้องวงจรปิดได้อีกด้วย ทำให้การติดกล้องวงจรปิด สามารถส่งภาพวีดีโอไปยังโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านสัญญาณไวไฟ ทำให้การดูแลความปลอดภัยให้กับสถานที่ต่าง ๆ ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น


โดยเฉพาะการติดกล้องวงจรปิดในบ้านของเรา ที่สามารถดูผ่านมือถือได้ จึงเป็นทางเลือกความปลอดภัยที่ดีและทันสมัยที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า ในสมัยก่อน การติดตั้งกล้องวงจรปิด จะนิยมติดภายในอาคาร สถานที่ต่างๆ แต่การติดตั้งกล้องวงจรปอดภายในบ้าน ยังไม่เป็นที่นิยม แต่ในสมัยนี้กล้องวงจรปิด สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาที่ไม่แพงมาก มีหลายขนาดให้สามารถเลือกใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ จึงทำให้หลายคนสนใจติดตั้งกล้องในบริเวณบ้านของตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า กล้องวงจรปิดก็มีหลายขนาด หลายราคา ซึ่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ดีและให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด ก็คือ การเลือกใช้กล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับพื้นที่ และสถานที่ที่เราจะนำมาใช้ ซึ่งทางเราจะมาพูดถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่สนใจอยากจะติดตั้งกล้องภายในบ้าน หรือสถานที่ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


โดยทั่วไปหลักการเลือกซื้อกล้องวงจรปิดสำหรับติดตั้งที่บ้านพักนั้น จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือกล้องติดภายในอาคารและกล้องติดภายนอกอาคาร กล้องวงจรปิดภายในอาคารนั้นอาจเลือกใช้ทั้งแบบมีสาย-ไร้สาย หรือระบบเครือข่ายก็ได้ แต่จะแนะนำให้ใช้กล้องประเภทโดมหรือกล้องวงจรปิดที่มีขนาดเล็ก โดยเฉพาะกล้องไร้สายที่เหมาะกับบ้านชั้นเดียว บ้านที่มีพื้นที่โล่ง และไม่ใหญ่มาก หรือติดเฉพาะภายในห้อง ซึ่งสามารถติดตั้งตามมุมผนังหรือฝ้าเพดานบ้านได้สะดวกและดูเรียบร้อย  ส่วนภายนอกอาคารนั้น ควรเลือกกล้องวงจรปิดแบบมีสาย หรือกล้องแบบเครือข่าย IP Camera เนื่องจากมีความทนทาน ทนต่อสภาพอากาศ กันฝุ่นกันน้ำ และควรเลือกกล้องที่มีวิสัยทัศน์การมองเห็นเวลากลางคืนดี มีฟังก์ชั่นตรวจจับการเคลื่อนไหว


ซึ่งจะช่วยตรวจจับการเคลื่อนที่ของวัตถุหรือตรวจจับผู้บุกรุกได้ หรือถ้าหากอยากจะติดตั้งกล้องในออฟฟิส ควรเลือกกล้องที่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในอาคารและนอกอาคารภายในอาคารแนะนำเป็นกล้องวงจรปิดทรงกระบอกหรืออาจจะเลือกกล้องวงจรปิดที่มีไมค์โครโฟนติดตั้งในห้องที่สำคัญๆ เพื่อดูพฤติกรรมของพนักงาน ในขณะเดียวกัน การติดตั้งกล้องในร้านค้านั้น เป็นสถานที่ที่คนแปลกหน้าเข้าออกบ่อยที่สุด และมีความเสี่ยงต่อการสูญหายของทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ควรเลือกกล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดสูง ความละเอียดภาพค่อนข้างมาก หากเป็นร้านขนาดเล็กส่วนใหญ่นิยมเป็นกล้องวงจรปิดไร้สายแบบโดมเพราะติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง เหมาะสมกับพื้นที่อีกด้วย หากติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าหรืออาคารขนาดใหญ่


ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุด ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในตัวอาคารให้มองเห็นโดยรอบ ให้ครอบคลุมอาคารมากที่สุด และพื้นที่สุดท้ายคือ ในโรงงานหรือโกงดังสินค้า กล้องวงจรปิดที่นิยมติดตั้งและเหมาะสมที่สุดคือกล้องวงจรปิดระบบ IP Camera เพราะด้วยความเสถียรของระบบและความคมชัดของภาพทั้งภาพกลางวันและกลางคืน จะช่วยเอื้ออำนวยในการตรวจตราความปลอดภัยของสินค้าและตรวจดูพฤติกรรมของพนักงานในขณะทำงานได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตามที่กล่าวมาข้างต้น ก็เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนได้ทราบถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อที่จะสามารถใช้กล้องวงจรปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะได้เกิดความคุ้มค่าในการเลือกใช้ด้วย

หากต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็นในอาคารขนาดใหญ่หรือตามบ้านเรือน หรืออยากใช้บริการการซ่อมบำรุงรักษาอาคาร สามารถติดต่อทาง เราได้ เพราะเป้นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบต่างๆภายในอาคาร สามารถให้บริการได้อย่างมืออาชีพ มีการอบรมพนักงานเพื่อให้ความรู้ ให้สามารถรับมือกับปัญหาของลูกค้าและสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลกค้าตามเป้าหมายของเรา

13
บริการทำความสะอาด: จัดระเบียบบ้านให้การใช้ชีวิตประจำวันดีขึ้น

การจัดระเบียบบ้าน คือการจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยข้าวของหรือสิ่งต่างๆ จะต้องอยู่อย่างถูกที่ถูกทาง ไม่รกรุงรัง ไม่เกะกะ ไม่สกปรก และผู้อยู่อาศัยจะต้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันอยู่ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย การ ทำความสะอาดบ้าน และ การจัดระเบียบบ้านนั้นถือว่าเป็นหน้าที่หลักของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านทุกคนที่พึงกระทำ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะปล่อยปะละเลยจนทำให้บ้านไม่เป็นระเบียบ นอกจากจะทำให้บ้านหรือห้องของคุณดูไม่น่ามองแล้ว การปล่อยให้ห้องไม่เป็นระเบียบยังส่งผลต่อนิสัยของผู้อยู่อาศัยด้วย เมื่ออยู่ไปนานวันนิสัยที่ไม่ดีทางสังคมและสุขภาพจะแย่ลง ดังนั้น จึงได้มีคำพูดที่ว่า “การจัดบ้านก็เปรียบเสมือนกับการจัดการชีวิตของเรา” โดยในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถเริ่มจัดระเบียบชีวิตได้ง่ายๆ ด้วยการจัดบ้านนั่นเอง

เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการจัดระเบียบชีวิตภายในบ้านเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ โดยจะส่งผลสะท้อนมายังคุณภาพชีวิตคุณที่จะเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบด้วยนั่นเอง !


การจัดระเบียบชีวิตจากห้องต่างๆ ?

ปกติแล้วบ้าน แต่ละบ้านจะมีห้องและสัดส่วนที่ถูกจัดไว้ใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละห้องนั้นจะมีการดูแลและจัดระเบียบที่แตกต่างกัน ดังนี้ ???

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องนอน

ห้องนอน ??? คือห้องพักผ่อนของทุกคนถือเป็นห้องที่ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานพอสมควร เนื่องจากคนเราจำเป็นที่จะต้องเข้านอนหลับพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมสำหรับวันใหม่

แต่หลายคนที่ใช้ห้องนี้อยู่เป็นประจำมักจะละเลยและคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหรือจัดระเบียบชีวิตมากนัก เพราะเพียงแค่กลับมาและทิ้งตัวนอนพักผ่อนได้ก็เพียงพอแล้ว แต่วิธีการจัดระเบียบชีวิตในห้องที่ถูกต้องควรจะปฏิบัติดังนี้

    ทำให้ใจให้สงบก่อนนอน อันดับแรกคุณควรฝึกทำให้จิตให้สงบและผ่อนคลายเพื่อพร้อมสำหรับการเข้านอน เช่น นั่งสมาธิ สวดมนต์ หรืองดเล่นมือถือ แลปท็อป เพื่อช่วยให้สมองได้หยุดทำงานและพร้อมสำหรับการนอนหลับอย่างแท้จริง หลายคนที่นอนไม่หลับมักเกิดจากสาเหตุนี้เป็นส่วนใหญ่นั่นเอง
    เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลา นอกจากคุณจะต้องใส่ใจช่วงก่อนนอนโดยควรเข้านอนให้ตรงเวลาแล้ว ช่วงเวลาในการตื่นนอนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เชื่อว่าหลายคนมักจะตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นไม่ตรงกับนาฬิกาปลุกครั้งแรกสักเท่าไร เพราะเรามักจะกดเลื่อนปลุกเพื่อยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ เพื่อนอนหลับต่อ

ซึ่งนิสัยนี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนขี้เกียจและไม่ตรงต่อเวลา นอกจากนั้นเมื่อตื่นนอนแล้ว คุณจะรู้สึกไม่สดชื่นหรือไม่อยากทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วก็ควรจะลุกจากเตียงนอนและอาบน้ำแปรงฟันให้พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมวันใหม่ ทำให้เคยชินติดเป็นนิสัย ร่างกายก็จะเคยชินกับช่วงเวลาเข้านอน-ตื่นนอนต่อไปได้เองอัตโนมัติ

    เก็บที่นอนหลังจากตื่นนอน เมื่อคุณตื่นนอนสิ่งแรกที่ควรจะทำเลยก็คือ การเก็บที่นอนหลังจากตื่นนอนนั่นเอง ถือเป็นวิธีการจัดระเบียบในห้องนอนง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มที่ควรพับให้เรียบร้อย และการวางหมอนให้ถูกตำแหน่งที่เดิม คลึงผ้าปูเตียงให้เรียบร้อย ไม่ยับหรือย้วย เป็นต้น
    ทำความสะอาดเป็นประจำ ห้องนอนแม้ว่าจะเป็นห้องปิดที่มิดชิด แต่ก็ใช่ว่าเจ้าของห้องไม่จำเป็นต้องทำความสะอาด เพราะบางครั้งฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจจะเข้าไปอยู่ตามตู้ เตียง หมอน หรือผ้าห่มได้ เพราะฉะนั้นควรหาเวลาในการทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อช่วยให้สุขภาพการนอนของคุณดีขึ้น

การจัดระเบียบภายในห้องนอนจะทำให้คุณรู้จักการดูแลตัวเอง รับผิดชอบตนเอง และใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังส่งเสริมด้านการนอนหลับ ทำให้คุณนอนหลับง่าย หลับสบาย ไม่มีสิ่งใดมารบกวนการนอนหลับอีกด้วย

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องน้ำ

ห้องน้ำ ????? เป็นห้องปลดทุกข์ที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้กันอย่างเป็นประจำ ซึ่งวิธีการจัดระเบียบชีวิตที่ดีกับการใช้ห้องน้ำที่ถูกต้องสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

    ใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้น้ำอย่างประหยัดจะช่วยสร้างนิสัยความประหยัดและเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้น เช่น แปรงฟันโดยไม่เปิดน้ำทิ้งไว้และกดชักโครกหลังจากทำธุระเสร็จเพียงครั้งเดียว เป็นต้น
    เคารพสิทธิ์ของคนอื่น ห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่บ้านหรือห้องน้ำสาธารณะ คุณควรเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น ไม่ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำมากจนเกินไป ไม่ทำพื้นห้องน้ำเลอะเทอะ และควรทำตามคะแนะนำในการใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างถูกต้อง
    ล้างห้องน้ำให้เป็น การทำความสะอาดห้องน้ำทุกคนสามารถทำได้ แต่จะต้องมีความตั้งใจและใส่ใจทุกส่วนของห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้องน้ำ ชักโครก คอห่าน หรืออ่างล้างหน้า แต่ละส่วนควรทำความสะอาดด้วยอุปกรณ์และน้ำยาที่ถูกต้อง

การทำความสะอาดห้องน้ำจะช่วยเปลี่ยนนิสัยของคุณให้เป็นคนที่หนักเอาเบาสู้ ไม่เลือกงาน ไม่ดูถูกคน ไม่ดื้อดึง และไม่มีทิฐิ อีกทั้งยังทำให้คุณเป็นคนที่มีนิสัยความอดทนอดกลั้น กล้าทำในสิ่งที่ท้าทายชีวิตได้มากขึ้น

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องแต่งตัว

เชื่อว่าทุกคนจะต้องมีห้องแต่งตัวหรือตู้เสื้อผ้าอย่างน้อย 1 ตู้ ????? โดยเป็นส่วนที่ควรจัดการและดูแลให้อยู่ในความเรียบร้อยอยู่เสมอ สำหรับการจัดระเบียบชีวิตจากการใช้ห้องแต่งตัวหรือตู้เสื้อผ้า เราสามารถทำได้ดังนี้

    จัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ เสื้อผ้าถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะใช้สำหรับสวมใส่ไปทำงาน ไปเที่ยว ไปเรียน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น ควรแบ่งสัดส่วนของห้องแต่งตัวหรือตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ จะช่วยให้คุณสามารถหยิบจับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไปใช้ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
    นำเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ไปบริจาค สำหรับใครที่มีเสื้อผ้าเยอะ แต่ใส่ไม่ครบทุกตัว มิหนำซ้ำบางชุดยังไม่เคยใส่อีกด้วย คุณควรสำรวจเสื้อผ้าภายในตู้ของตัวเองและคัดเอาเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้หรือไม่ได้ใส่แล้วไปบริจาค เพื่อนำมามอบให้กับผู้คนที่ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ต่อไป
    ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าอย่างพอดี สำหรับใครที่มีนิสัยชอบช้อปปิ้ง บางครั้งคุณควรจะกลับมาดูเสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าภายในห้องของคุณว่าทุกชิ้นนั้นได้ใช้ประโยชน์จากมันหรือไม่ หลายคนเลือกซื้อเพียงเพราะชอบในความสวยงามจนทำให้เสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องประดับต่างๆ มีเยอะมากมายจนเกินความจำเป็น

การจัดระเบียบภายในห้องแต่งตัวจะช่วยทำให้คุณเป็นคนที่มีแบบแผนในการดำเนินชีวิต ใช้เงินทองอย่างคุ้มค่า มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น และเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากการนำเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาคให้เกิดประโยชน์

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องกินข้าว

ห้องกินข้าว ???? ถือเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำครัวและวัตถุดิบมากมาย แต่นอกจากคุณจะต้องทำความสะอาด จัดเรียงอุปกรณ์เครื่องครัวให้ถูกต้อง และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถจัดระเบียบชีวิตอื่นๆ จากห้องกินข้าวเพิ่มเติมได้ดังนี้

    ทานอาหารให้พร้อมหน้าพร้อมตา การรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันจะช่วยให้คุณเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นมากขึ้น และเป็นการแสดงถึงความห่วงใยคนอื่นๆ อีกทางหนึ่ง
    ตักข้าวและกับข้าวให้พอดี การทานอาหารในแต่ละมื้อ คุณควรจะตักข้าวและกับข้าวอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้าวเหลือทิ้งในภายหลัง
    มารยาทบนโต๊ะอาหาร การทานอาหารที่ดีควรเลือกใช้ช้อนกลางทุกครั้ง ไม่ควรทานข้าวเสียงดัง และไม่ควรพูดจาเสียงดังในระหว่างทานอาหาร
    เสียสละให้ผู้อาวุโส ในกรณีที่ทานอาหารร่วมกับผู้ที่มีอายุเยอะกว่า ควรให้เกียรติผู้ใหญ่ในการตักอาหารต่างๆ ก่อน

การจัดระเบียบการใช้ชีวิตภายในห้องกินข้าวหรือห้องครัว จะส่งผลทำให้คุณเป็นคนที่มีความรับผิดชอบตัวเองมากยิ่งขึ้น รู้จักความพอดี และทำให้เป็นคนที่มีความเคารพนอบน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องทำงาน

ห้องทำงาน ???? คือห้องที่ต้องใช้ความคิดและสมาธิเป็นอย่างมาก ดังนั้น การจัดระเบียบภายในห้องทำงานถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยทำงาน คุณควรเริ่มจากการไม่วางเอกสารกองไว้เต็มโต๊ะ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนขี้เกียจและไม่รู้จักวิธีการจัดลำดับความสำคัญ เพราะฉะนั้น ควรเริ่มจากการตรวจสอบเอกสารทุกอย่างบนโต๊ะและจัดตารางว่าสิ่งใดควรทำก่อนหลัง จะช่วยทำให้คุณกล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ และตัวงานจะออกมาสำเร็จเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น


??? ประโยชน์ของการจัดระเบียบบ้านและจัดระเบียบชีวิต ???

วิธีจัดระเบียบบ้านและจัดระเบียบชีวิตเหล่านี้สามารถสร้างประโยชน์ให้กับชีวิตของคุณได้จริง เพราะคุณจะได้ทั้งบ้าน กาย และใจที่สะอาดขึ้น เปลี่ยนให้คุณเป็นคนที่ตรงต่อเวลาไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม ทำให้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและส่วนรวม และเปลี่ยนให้คุณเป็นคนที่สุภาพอ่อนน้อม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรามากยิ่งขึ้น ??

การจัดระเบียบบ้านและจัดระเบียบชีวิต สามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง เพราะคุณภาพชีวิตของคนที่ใช้วิธีนี้จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนิสัยใจคอ รูปแบบการดำเนินชีวิต การทำงาน และความสุขต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว



14
จัดฟันบางนา: ฝังรากฟันเทียม ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในการแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันธรรมชาติไป รากฟันเทียมเป็นวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟัน ซึ่งทำมาจากวัสดุไทเทเนี่ยมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดีและใช้สำหรับฝังลงไปบนกระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม เพื่อช่วยให้การทำรากฟันเทียมทั้งแบบติดแน่นและแบบถอดได้ ซึ่งในปัจจุบันการฝังรากฟันเทียม ถือเป็นวิธีการใส่ฟันปลอมที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ทั้งยังมีผลการรักษาที่แม่นยำ เนื่องด้วยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรักษาทำให้สามารถกำหนดตำแหน่งที่จะทำการฝังรากฟันเทียมได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายข้อ สำหรับผู้ที่ต้องการฝังรากฟันเทียม ต้องเป็นผู้ที่มีการสูญเสียฟันธรรมชาติและต้องการกลับมาบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ และยังทำให้ฟันที่เหลืออยู่มีความแข็งแรงมากขึ้น กลับมามีรอยยิ้มที่สดใส สามารถพูดคุยได้อย่างมั่นใจ ในวันนี้คลินิก เราจะมาพูดถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ซึ่งหลายคนที่เข้ารับการรักษา ก็มีข้อสงสัยว่าการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น จะต้องระมัดระวังเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ เป็นที่ทราบกันดีว่ากันฝังรากฟันเทียมนั้น จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างมากเป็นพิเศษ และต้องระมัดระวังในหลายหลายเรื่องเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา

 แต่ก่อนอื่นจะพูดถึงการระมัดระวังระหว่างทำการฝังรากฟันเทียมนั้น เรามาพูดถึงข้อจำกัดที่ผู้ที่ต้องการจะรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม จะต้องทราบก่อนว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้างและใครที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ เพราะโดยทั่วไปแล้วการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม สามารถทำได้ทุกคนและไม่มีการกำหนดในช่วงของอายุแต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ผู้ต้องการทดแทนฟัน ไม่สามารถจะทำรากฟันเทียมได้ นั่นก็คือผู้ที่มีอายุยังไม่ถึง 18 ปี เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรรอให้คลอดบุตรก่อนเข้ารับการรักษา ด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพต่าง ๆเช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เสี่ยงต่อการเลือดไหลไม่หยุดนั่นเอง รวมไปถึงผู้ที่มีโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ก็ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมได้ รวมไปถึงผู้ป่วยจิตเภทที่มีปัญหาในเรื่องของการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเองได้ นอกจากนี้การใช้ชีวิตประจำวันก็มีผลต่อข้อจำกัดในเรื่องของการทำรากฟันเทียม นั่นก็คือผู้ที่สูบบุหรี่จัดซึ่งการสูบบุหรี่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการทำรากฟันเทียม เนื่องจากบุหรี่เป็นสาเหตุหลักทำให้สุขภาพฟันมีปัญหาจึงไม่เหมาะที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม

สำหรับข้อระมัดระวังในเรื่องของการฝังรากฟันเทียมที่หลายคนสงสัยว่า เมื่อทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมไปแล้วนั้น จะต้องระมัดระวังอะไรให้มากเป็นพิเศษอย่างแรกเลยคือการรับประทานอาหารซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะต้องระมัดระวังเพราะผู้เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม จะต้องงดรับประทานอาหารที่มีความแข็ง ความเหนียว หรืออาหารที่ต้องใช้แรงในการบดเคี้ยวอาหารค่อนข้างมาก เพราะจะส่งผลให้เกิดการกระทบกระเทือนของรากฟันเทียมได้ ซึ่งบางครั้งผู้เข้ารับการรักษาบางราย เมื่อรับประทานอาหารที่มีความแข็งแล้วทำให้ส่งผลไปยังรากฟันเทียม ทำให้เกิดการหลุดออกมา

ซึ่งจะสามารถแก้ไขได้ยากและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ต่อมาคือเรื่องของทำความสะอาดช่องปากและฟัน ถือเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันเอาใจใส่ดูแลให้มากเป็นพิเศษ เพราะสุขภาพของช่องปากและฟันของเรานั้น ต้องได้รับการดูแลยิ่งผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ยิ่งต้องระมัดระวังต้องดูแลเอาใจใส่ให้มาก เพราะนอกจากจะทำให้มีสุขภาพฟันที่ดีแล้วยังส่งผลต่อระยะเวลาการใช้งานของรากฟันเทียมอีกด้วย นอกจากนี้การดูแลรักษารากฟันเทียมให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น โดยปกติแล้วรักฟันที่ทำจากไทเทเนี่ยมจะมีความคงทน ความแข็งแรงสูงมาก และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากผู้เข้ารับการรักษาเพราะรากฟันเทียม จะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ หากดูแลไม่ดีซึ่งการดูแลรากฟันเทียม ก็ไม่ต่างจากการรักษาความสะอาดฟันธรรมชาติ คือผู้เข้ารับการรักษาควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันน้ำยาบ้วนปาก และต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำปี

ทั้งนี้หากคุณสนใจเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม สามารถขอเข้ารับคำปรึกษาจากทีมทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เนื่องจากทางเรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องของรากฟันเทียมมีประสบการณ์ในการรักษาทางทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่าจะทำให้คุณกลับมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง รวมไปถึงกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามสามารถใช้งานฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

15
การจัดฟันเด็ก มีกี่แบบ

การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยแก้ไขปัญหารูปร่างฟันและลักษณะของฟันที่ขึ้นผิดปกติ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่มักจะพบได้บ่อยในเด็ก เนื่องจากเด็กๆหลายคนชื่นชอบการรับประทานของหวาน เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดฟันผุ ถ้าหากเด็กดูแลรักษาความสะอาดหรือแปรงฟันไม่สะอาด ดังนั้น หากปล่อยไว้นานๆ และยังมีพฤติกรรมการรับประทานสิ่งเหล่านี้ ก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดการสูญเสียฟันได้ในที่สุด เมื่อเกิดการสูญเสียฟันแล้ว แน่นอนว่า ต้องมีปัญหาฟันอื่นๆตามมาอีกแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเกิดฟันห่าง เพราะมีช่องว่างระหว่างฟัน หรือฟันล้ม ซึ่งปัญหานี้ก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กได้อีกด้วย เพราะอาจจะทำให้การรับประทานเป็นอุปสรรค เพราะเนื่องจากมีฟันที่ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดช่องปากและฟันที่อาจจะส่งผลทำให้ทำความสะอาดฟันได้ไม่ทั่วถึง

เพราะฉะนั้น เด็กที่มีปัญหาเหล่านี้ควรที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้ และทำให้เด็กกลับมามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ช่วยทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำได้ด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็กนั้น ก็มีด้วยกัน 2 แบบ นั่นก็คือ การจัดฟันในเด็กที่สวมใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 12-15 ปี ที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว และอีกแบบหนึ่งเป็นการจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือการจัดฟันที่เรียกว่า EF Line ซึ่งสามารถรักษาปัญหาฟันได้ในเด็กที่มีอายุ 4-15 ปี เลยทีเดียว สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ทั้ง 2 รูปแบบ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังสนใจในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก

 สำหรับการจัดฟันในเด็กแบบแรกที่เราจะมาพูดถึงนั่นก็คือการจัดฟันในเด็ก EF Line ซึ่งเป็นการจัดฟันที่มีเครื่องมือการจัดฟันเป็นชิ้นยางที่มีหลากหลายสี ให้เด็กสามารถเลือกสีที่ชอบได้ โดยเหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 4-15 ปี เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่  โดยอาศัยแรงที่ได้จากกล้ามเนื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างกระดูกของใบหน้าให้มีการเรียงตัวของฟันที่สวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งในการจัดฟัน EF LINE ทำให้เด็กๆสามารถสนุกและเพลิดเพลินไปกับการใช้เครื่องมือการจัดฟันได้และการจัดฟัน EF LINE สามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของการดูดนิ้วของเด็ก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นในเด็ก ที่ส่งผลทำให้เกิดฟันห่าง ฟันยื่นและฟันเรียงตัวไม่สวยงาม เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการนอนกรน นอนกัดฟันและมีอาการปวดขากรรไกร

ซึ่งการจัดฟัน EF LINE นั้นจะช่วยเรียงตัวของฟันให้สวยงาม แก้ไขปัญหาฟันห่าง ช่วยแก้ไขในเรื่องของการนอนกัดฟัน นอนกรนในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังส่งผลทำให้เด็กมีพัฒนาการในการเจริญเติบโตได้ดีอีกด้วย สำหรับการสวมใส่เครื่องมือในช่วงเวลากลางคืนหรือขณะนอนหลับควรให้เด็ใส่เครื่องมือเป็นเวลา 10 ชั่วโมงและในเวลากลางวันให้ใส่ 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการสวมใส่เครื่องมือจัดฟัน EF LINE ไม่ควรเคี้ยวเล่นหรือพูดคุยขณะใส่เครื่องมือ และควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากของเด็กด้วย สำหรับเครื่องมือการจัดฟัน EF LINE นั้นสามารถใช้แก้ปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานที่ผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้นรวมถึงการจัดฟันให้เรียงตัวอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นได้

 ต่อมาการจัดฟันในเด็ก แบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 12 -15 ปีที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว เหมาะสำหรับเด็กที่มีการสบฟันที่ผิดปกติ เช่นฟันซ้อนหรือฟันขึ้นผิดตำแหน่ง เด็กที่มีฟันสบลึกหรือฟันสบคร่อม เด็กที่มีปัญหาเหล่านี้เหมาะที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ไม่สวยงาม นอกเหนือจากเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังทำให้เด็กยิ้มได้อย่างมั่นใจเพราะการจัดฟันในเด็กยังสามารถช่วยทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำความสะอาดฟันหรือแปรงฟันได้ง่ายขึ้น ช่วยรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งแน่นอนว่าการจัดฟันในเด็กนั้นทำให้มีผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดฟันตอนโตและยังมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้น้อยกว่าการจัดฟันแบบผู้ใหญ่ด้วย หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สาสมารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ทีคลินิกเพราะทางเราอยากให้เด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ได้รับการรักษาที่มีความปลอดภัย โดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เด็กจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น มีรอยยิ้มที่น่ารักสมวัยมากยิ่งขึ้น

หน้า: [1] 2 3 ... 54