head prakardsod






























































แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - bambybiby

หน้า: [1]
1
ปัญหาใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นความคล้ำ ร่องลึก หรือริ้วรอย เป็นสิ่งที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุ การแก้ไขปัญหานี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันก็มีหลายวิธีให้เลือก แต่ละวิธีมีจุดเด่นและความเหมาะสมกับปัญหาที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจแต่ละวิธีจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ใช่ที่สุดสำหรับตัวเอง มาดูกันว่าระหว่าง โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดไขมันใต้ตา และการทำเลเซอร์ใต้ตา วิธีไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด

1. โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา (Undereye Filler)
การฉีดสาร Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย มีคุณสมบัติอุ้มน้ำและเติมเต็ม เหมาะกับปัญหา ร่องลึกใต้ตาที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกหรือไขมัน, ใต้ตาคล้ำที่เป็นเงาจากความโบ๋, ริ้วรอยตื้นๆ  ที่เกิดจากการขาดวอลลุ่ม โดยหลักการทำงาน คือ HA จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างบริเวณใต้ตาที่บุ๋มลง ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ร่องลึกตื้นขึ้น ลดเงาที่ทำให้ดูคล้ำ
ข้อดี:
  • ทำได้รวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน
  • พักฟื้นน้อยมาก อาการบวมช้ำมีน้อย (ขึ้นอยู่กับเทคนิคแพทย์)
  • เห็นผลทันทีหลังทำ และจะเข้าที่ใน 1-2 สัปดาห์
  • หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ สามารถฉีดสลายได้ (กรณีใช้ฟิลเลอร์ HA แท้)
ข้อจำกัด:
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราว มักอยู่ได้ 6 เดือนถึง 1 ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์ การดูแล และแต่ละบุคคล) ต้องมาเติมซ้ำ
  • ไม่เหมาะกับปัญหาถุงใต้ตา หรือความคล้ำที่เกิดจากเม็ดสีผิว (Pigmentation) โดยตรง

2. โปรแกรมฉีดไขมันใต้ตา (Undereye Fat Grafting)
การนำไขมันส่วนเกินจากบริเวณอื่นของร่างกาย (เช่น หน้าท้อง, ต้นขา) มาผ่านกระบวนการคัดแยกเซลล์ไขมันที่สมบูรณ์ แล้วฉีดกลับเข้าไปบริเวณใต้ตา เหมาะกับปัญหา ร่องลึกใต้ตา หรือความโบ๋ที่ค่อนข้างมากและต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน มีหลักการทำงาน คือ เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะทำหน้าที่เป็น Volume Filler เติมเต็มร่องลึกและความโบ๋ นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ในไขมันยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวบริเวณใต้ตาให้ดีขึ้น
ข้อดี:
  • ใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง ปลอดภัย ลดความเสี่ยงการแพ้
  • ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างถาวร (หากไขมันที่ฉีดเข้าไปอยู่รอด)
  • อาจช่วยให้คุณภาพผิวใต้ตาดีขึ้นได้ด้วย
ข้อจำกัด:
  • เป็นหัตถการที่ใหญ่กว่าฟิลเลอร์ ต้องมีขั้นตอนดูดไขมัน
  • พักฟื้นนานกว่าฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวมช้ำได้มาก
  • ผลลัพธ์เรื่องปริมาณที่เหลืออยู่ค่อนข้างไม่แน่นอน (ไขมันบางส่วนอาจสลายไป)
  • ไม่สามารถสลายได้ทันทีเหมือนฟิลเลอร์ HA

3. โปรแกรมเลเซอร์ใต้ตา (Undereye Laser)
การใช้พลังงานแสงเลเซอร์ชนิดต่างๆ เช่น Fractional Laser, Pico Laser หรือกลุ่ม Tightening Laser เพื่อฟื้นฟูผิวใต้ตา เหมาะกับปัญหา ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา (ที่ไม่ได้เกิดจากวอลลุ่มที่หายไปโดยตรง), ความคล้ำที่เป็นเม็ดสีผิว (Pigmentation), ปัญหาเรื่องคุณภาพผิวใต้ตา, ผิวใต้ตาที่ไม่กระชับเล็กน้อย โดยเลเซอร์จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน หรือทำลายเม็ดสีส่วนเกิน หรือทำให้ผิวชั้นบนเรียบเนียนขึ้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้
ข้อดี:
  • แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งริ้วรอย สีผิว และความกระชับ (ขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์)
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
ข้อจำกัด:
  • ไม่สามารถเติมเต็มร่องลึกหรือความโบ๋ได้โดยตรง
  • มักต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน
  • อาจมีระยะเวลาพักฟื้น (เช่น ผิวลอก หรือตกสะเก็ด) ขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์
  • ความคล้ำบางประเภทอาจไม่ตอบสนองต่อเลเซอร์

หลักการเลือกวิธีที่เหมาะสม
การเลือกระหว่าง โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา, โปรแกรมฉีดไขมันใต้ตา โปรแกรมเลเซอร์ใต้ตา ขึ้นอยู่กับ "ปัญหาหลัก" และ "ความคาดหวัง" ของคุณเป็นสำคัญ:
  • ถ้าปัญหาหลักคือ ร่องลึกและความโบ๋ เล็กน้อยถึงปานกลาง ที่ทำให้เกิดเงาคล้ำ และต้องการวิธีที่ รวดเร็ว พักฟื้นน้อย และเห็นผลทันที -> ฟิลเลอร์ใต้ตา มักเป็นตัวเลือกแรกที่เหมาะสม
  • ถ้าปัญหาหลักคือ ความโบ๋ที่ค่อนข้างมาก และต้องการ ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างถาวร โดยยอมรับการพักฟื้นที่นานกว่าได้ -> การฉีดไขมันใต้ตา อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  • ถ้าปัญหาหลักคือ ริ้วรอยตื้นๆ บนผิว, ผิวใต้ตาคล้ำจากเม็ดสี, หรือผิวไม่กระชับ และต้องการเน้นที่การ ฟื้นฟูคุณภาพผิว -> เลเซอร์ใต้ตา จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
ในบางกรณี ปัญหาใต้ตาอาจมีความซับซ้อนและต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การทำฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึก และทำเลเซอร์เพื่อแก้ปัญหาเม็ดสีหรือคุณภาพผิว

สรุปแล้ววิธีที่ดีที่สุด คือ การเข้ารับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาใต้ตาของคุณอย่างละเอียด และแนะนำหัตถการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการทำฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดไขมัน หรือเลเซอร์ เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ใต้ตาที่ดูสดใสและสวยงามอย่างที่ต้องการ

2
การนอนหลับที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ดี อาหารที่เราทานก็มีส่วนช่วยในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับได้เช่นกัน ลองมาดู 7 อาหารที่ช่วยให้คุณนอนหลับสบายมากขึ้น ตอบโจทย์การนอนไม่หลับ ทำไงดี กันเลยค่ะ

1. กล้วยหอม
นอกจากโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้ว กล้วยหอมยังมีวิตามินบี 6 ซึ่งช่วยในการสร้างเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งผลต่ออารมณ์และการนอนหลับ ลองทานกล้วยหอมสุก ๆ สักลูกก่อนนอน เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับสบายขึ้น

2. นมอุ่น
การดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนเป็นวิธีที่หลายคนคุ้นเคย เพราะนมมีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายนำไปสร้างเซโรโทนิน และเมื่อร่างกายมีระดับเซโรโทนินสูง ก็จะส่งผลให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินเพิ่มขึ้น ซึ่งเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมวงจรการนอนหลับนั่นเอง

3. ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ย่อยช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและไม่หิวตอนกลางคืน นอกจากนี้ ข้าวโอ๊ตยังมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลองทำข้าวโอ๊ตใส่ผลไม้สด ๆ หรือธัญพืชต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางอาหาร

4. ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งมีส่วนช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และยังช่วยปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ กรดไขมันโอเมกา-3 ยังช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทอีกด้วย

5. เชอร์รี่
เชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารเมลาโทนินสูงตามธรรมชาติ การดื่มน้ำเชอร์รี่หรือทานเชอร์รี่ก่อนนอนจะช่วยเพิ่มระดับเมลาโทนินในร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้สึกง่วงนอนและหลับได้ง่ายขึ้น

6. อัลมอนด์
อัลมอนด์เป็นแหล่งของแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นประสาท นอกจากนี้ อัลมอนด์ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย

7. ผักใบเขียว
ผักใบเขียว เช่น ผักขม คะน้า และบรอกโคลี อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ ผักใบเขียวยังมีแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิตและลดความเครียด

เคล็ดลับเพิ่มเติม
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารทอด : อาหารเหล่านี้จะกระตุ้นระบบย่อยอาหารและทำให้หลับยาก

  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอตลอดทั้งวัน : การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนนอน : ปิดไฟ ดับเสียงรบกวน และหาอะไรทำที่ผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำสมาธิ

การนอนหลับที่ดีเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับสุขภาพของคุณ ลองนำอาหารเหล่านี้ไปปรับใช้ในมื้ออาหารของคุณ เพื่อให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และตื่นเช้ามาสดใส

3
สวัสดีค่าสาวๆทุกคน วันนี้จะพาทุกคนมาส่องลิปสติก 2 แท่งเด็ด ที่กำลังเป็นที่นิยมสุดๆ ในตอนนี้ นั่นก็คือ Maybelline New York Color Sensational Ultimate และ L'Oreal Paris Infallible Matte Resistance 105 ซึ่งทั้งสองตัวนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ตามมาดูกันเลยค่ะ!

Maybelline New York Color Sensational Ultimate ฉ่ำวาว อิ่มลิป เหมือนแก้มสาว

  • เนื้อสัมผัส : เนื้อลิปนุ่มละมุน เหมือนบัตเตอร์ กลิ่นหอมอ่อนๆ เวลาทาแล้วรู้สึกเย็นๆ สบายปาก
  • สีสัน : สีสันสดใส ชัดเจน มีให้เลือกหลากหลายเฉด ทั้งโทนนู้ด ชมพู ส้ม แดง ครอบคลุมทุกสไตล์การแต่งหน้า
  • ความติดทน : ติดทนปานกลาง เหมาะสำหรับคนที่ชอบเติมลิปบ่อยๆ หรือใช้คู่กับลิปทินท์เพื่อเพิ่มความติดทน
  • เหมาะกับ : เหมาะสำหรับคนที่ชอบลุคใสๆ ฉ่ำวาว หรือวันสบายๆ ที่อยากได้ริมฝีปากดูอิ่มฟู

ตัวอย่าง : ถ้าวันไหนอยากได้ลุคใสๆ ไปคาเฟ่ ลองเลือกลิปสติก สีชมพูพีช หรือสีส้มพีช จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์

L'Oreal Paris Infallible Matte Resistance 105  แมทสุดขั้ว ติดทนนาน เหมือนปูนปลาสเตอร์

  • เนื้อสัมผัส : เนื้อลิปแมทแห้งเร็ว สีแน่น ชัดเจน ไม่ต้องปาดหลายรอบ
  • สีสัน : สีสันหลากหลาย มีทั้งโทนสีกลางๆ ไปจนถึงสีเข้มๆ ที่ท้าทาย
  • ความติดทน : ติดทนนานมากกก กินข้าว กินน้ำ ก็ไม่หลุดลอก
  • เหมาะกับ : เหมาะสำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าแบบจัดเต็ม หรือวันสำคัญๆ ที่ต้องการเมคอัพติดทนนานตลอดวัน

ตัวอย่าง : ถ้าวันไหนมีงานปาร์ตี้ หรือต้องออกงานสำคัญ ลองเลือกสีแดงก่ำ หรือสีน้ำตาลอมแดง จะช่วยให้ลุคของคุณดูโดดเด่น สะดุดตา

เลือกใช้ตัวไหนดี
  • ถ้าชอบลุคใสๆ ฉ่ำวาว : Maybelline New York Color Sensational Ultimate คือคำตอบ
  • ถ้าชอบลุคสวยเฉี่ยว แมทสุดขั้ว : L'Oreal Paris Infallible Matte Resistance 105 เหมาะกับคุณที่สุด
  • ถ้าอยากได้ทั้งสองแบบ : สามารถใช้คู่กันได้ โดยทาลิปเนื้อแมทเป็นฐาน แล้วตามด้วยลิปเนื้อฉ่ำด้านบน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความแวววาว

เคล็ดลับก่อนทาลิปสติก  ควรขัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยแปรงสีฟัน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ริมฝีปากเรียบเนียน และลิปสติกติดทนนานยิ่งขึ้น อย่าลืมบำรุงริมฝีปากด้วยลิปบาล์มเป็นประจำ เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้น สุขภาพดี และพร้อมรับสีสันสวยๆ ของลิปสติกนะคะ คือ สรุปแล้วทั้งสองแบรนด์นี้ล้วนก็เป็นลิปสติกคุณภาพดี มีให้เลือกหลากหลายเฉดสี เหมาะกับทุกสไตล์การแต่งหน้า ขึ้นอยู่กับความชอบและโอกาสในการใช้งานของแต่ละคนค่ะ สุดท้ายนี้การเลือกเครื่องสำอาง จะให้ดีที่สุด ควรไปลองด้วยตัวเอง เพื่อสัมผัสถึงเนื้อแต่ละชนิดค่ะ

4
หมดปัญหาหน้าสิว เผยงานผิวด้วย 3 ไอเท็มตัวท็อป

ปัญหาสิวเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนแก้ไม่หาย เดี๋ยวเป็น เดี๋ยวยุบ แต่ยุบแล้วก็ยังทิ้งรอยซ้ำ ย่ำหัวใจกันตลอด ๆ สาว ๆ หลายคนพยายามรักษาแต่ก็กลับมาเป็นหรอบเดิม เหมือนฤดูกาลที่วนไปวนมาไม่มีจบสิ้น ทำเอาหลายคนท้อจนแทบไปไม่เป็น แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะวันนี้จะขอมาแนะนำ 3 ไอเท็มตัวท็อปที่ช่วยเข้ามาหยุดวงจรสิว ถึงเวลาผิวจะได้กระจ่างใสกันสักที บอกเลยอ่านจบต้องรีบไปตำ ถึงเวลาบ๊ายบายปัญหาสิวเรื้อรังกันได้แล้วจ้า

สิ่งแรกที่ต้องเลือกหยิบมาก่อนเลย ยิ่งใครกำลังสิวเห่อ ๆ นะ ต้องใช้ เจลแต้มสิว ดูแลผิวก่อน แต้มเข้าไปที่สิวให้ตรงจุดยังไงก็หาย ที่แนะนำ คือ ของ Kiehl's ตัวที่ชื่อว่า Blemish-Clearing Solution อันนี้เป็นเซรั่มฟีล์มใส ช่วยลดปัญหาสิวและรอยสิว ที่มีเทคโนโลยีฟิล์มใสล่องหน เนื้อเข้มข้นแต่บางเบา ทาปิดสิวไปแล้วก็เหมือนเกราะป้องกันที่ช่วยป้องกันสารก่อการระคายเคืองภายนอก ทำให้สามารถลงกันแดดหรือแต่งหน้าทับไปได้เลย ทาไปวันเดียวแล้วนอนตื่นมาอีกวันขนาดสิวก็ลดลงไปแบบเห็นได้เลย แถมตัวนี้ยังช่วยลดเลือนรอยสิวด้วย ครบจบสุด ๆ


แต่ถ้าให้พูดถึง ครีมรักษาสิว ที่หนึ่งในใจขอยกให้ EFFACLAR DUO+M จาก LA ROCHE-POSAY ตัวนี้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ บำรุงดูแลผิวหน้าที่เป็นสิวโดยเฉพาะ ช่วยในเรื่องของการลดรอยสิว รวมถึงลดการเกิดขึ้นของสิวเพียงใช้เป็นประจำ ใช้แล้วบอกเลยว่าผิวจะเรียบเนียนขึ้นจนใคร ๆ ก็อดทักไม่ได้ ทาเช้าทาเย็นเว้นรอบดวงตา ท่องคาถานี้ให้ขึ้นใจแล้วรอดูผลลัพธ์ที่โคตรปังได้เลย

ตัวสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ สำหรับใครที่มีรอยสิวเก่า ๆ เยอะจนพรากความมั่นใจไปหมด ต้องลอง ครีมลดรอยสิว ตัวดังจากการ์นิเย่ ซึ่งก็คือ ไบรท์ คอมพลีท วิตามินซี เซรั่ม ครีม SPF 30 PA+++ ตัวนี้เลยจ้า ตัวนี้เป็นนวัตกรรมเซรั่มครีม ที่ผสานพลังสารสกัดบริสุทธิ์จากยูซุเลมอนกับวิตามินซีเข้มข้น ช่วยในเรื่องลดเลือนรอยสิวได้แบบตรงจุดสุด ๆ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส แถมยังช่วยแก้ปัญหาผิวขาดน้ำ ให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ใช้ตัวนี้หน้าไบร์ทแถมอิ่มฟู แบบนี้คือที่สุดอะ

จบแล้วกับ 3 ไอเท็มที่แนะนำ บอกเลยว่าทั้ง 3 ตัวปังจริง ๆ คุณสมบัติว่าจึ้งแล้ว เนื้อสัมผัสนี่ยิ่งกว่า เพราะเห็นเข้มข้นอย่างนี้ แต่ไม่มีเหนอะหนะ ไม่มีหนักหนา ทาแล้วก็ซึมซาบไว ให้ความรู้สึกสบายผิว ลองไปซื้อมาใช้กัน แล้วจะรู้เองว่าฟินขนาดไหน






5
บอกลาปัญหาผมร่วง กับ 2 คู่หูสุดปัง 8)

ใครผมขาดหลุดร่วงบ่อย ๆ ทั้งจากเคมีและปัญหาที่เรื้อรังมานาน บอกเลยค่ะว่ามีคู่หูจากแบรนด์ Vichy ทั้งแชมพูและเซรั่มมาแนะนำ ยิ่งใช้คู่กันยิ่งส่งเสริมกันสุด ๆ ช่วยให้ทั้งหนังศรีษะแข็งแรง และเส้นผมแข็งแรง บอกลาผมขาดหลุดร่วงเป็นกำมือตอนสระผมไปได้เลย แบรนด์นี้ผลิตภัณฑ์เริดทุกตัวจริง ๆ ค่ะ ต้องลองสักครั้งแล้วจะติดใจแน่นอนค่ะ

มากันที่ตัวแรกเลยค่ากับเซรั่มตัวช่วยเรื่องผมบาง https://www.vichy-th.com/all-products/haircare/densi/dercos-densi-solutions-hair-mass-recreating-concentrate สำหรับคนที่มีปัญหา ผมลีบผมบาง หลุดร่วงและขาดง่าย ตัวนี้ถูกคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับคนแพ้ง่ายด้วยค่ะ เพราะว่าเป็น สูตร SILICONE FREE, PARABEN FREE, COLORANT FREE มาพร้อมกับ 3 สเต็ปเพิ่มความหนาให้กับผม ทั้งเพิ่มความหนา คืนวอลลุ่ม บำรุงผมศรีษะ การันตีผมดูหนาขึ้นภายใน 6 สัปดาห์ กับผลลัพธ์สุดจึ้งพิสูจน์แล้วว่าผมใหม่ดูหนาขึ้นกว่าเดิม และมีวอลลุ่ม สร้างฟาร์มผมได้ง่าย ๆ ที่บ้านกับผลิตภัณฑ์ขาก Vichy ไม่ลองถือว่าพลาดแล้วค่ะนาทีนี้ ต้องไปตำด่วน แล้วจะเห็นผลลัพธ์สุดจึ้ง ยิ่งใช้คู่กับแชมพูจะเห็นผลเร็วแบบทันตาเลยค่า

มากันต่อที่คู่หูแชมพูลดผมร่วง https://www.vichy-th.com/all-products/haircare/densi/dercos-densi-solutions-hair-mass-recreating-concentrate ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่ม ตัวนี้เหมาะสำหรับสาวๆ หนุ่ม ๆ คนไหนที่่มีปัญหาผมร่วงไม่หายสักทีต้องมาฟังทางนี้เลยค่ะ เห็นผลจริง แถมปลอดภัยต่อหนังศรีษะอีกด้วย แชมพูตัวนี้มีชื่อว่า Dercos Energy+ Aminexil เป็นแบรนด์จาก Vichy ที่สำคัญเเชมพูตัวนี้ยังมีสาร Aminexil ช่วยจัดการปัญหาผมหลุดร่วงได้อย่างตรงจุด มีทั้ง AHA และ Niacinamide ช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังศีรษะที่ตายเเล้ว ทำให้หนังศีรษะกลับมาเเข็งเเรงลดปัญหาของผมขาดหลุดร่วงนั่นเอง พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Vitamin E ช่วยปกป้องเส้นผมจากมลภาวะต่างๆ คุณสมบัติขนาดนี้ แถมใช้แล้วเห็นผลต้องไปลองแล้ว อย่าพลาดกันนะคะ ถือเป็นไอเท็มเด็ดเรียกได้ว่าเป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับทุกคนที่มีปัญหาผมขาดหลุดร่วงเลย

6
ป้ายยาไอเท็มกู้ผิว ผิวพังแค่ไหนก็เอาอยู่ :-*

มัดรวมไอเท็มกู้ผิว แห้งแค่ไหน พังแค่ไหนก็ต้องวางใจให้กับสกินแคร์ทั้ง 2 แบรนด์นี้ ราคาเอื้อมถึงแถมผลลัพธ์ที่จึ้งใจจนต้องซื้อซ้ำแน่นอน ใครกำลังหาเซรั่มหรือมอยเจอร์ไรเซอร์กู้ผิวดี ๆ สักตัวแนะนำมากเลยค่ะ ไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะการดูแลผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเสริมความสวย ความหล่อ เพราะงั้นต้องหาที่พึ่งดี ๆ ไว้ติดตัว สวยได้เพียงข้ามคืนถ้าเลือกสกินแคร์ที่ชอบ ที่ใช่ กับผิวหน้าของเรา

เจอแล้วค่า เซรั่มที่จริงใจ เซรั่ม https://www.loreal-paris.co.th/glycolic-bright/loreal-paris-glycolic-bright-glowing-serum เพิ่มผิวกระจ่างใส สูตรใหม่จาก L’oreal กับสูตร ไกลโคลิค ไบร์ท การันตีจุดด่างดำดูลดเลือนลง 77% มีเมลาซิล, ไกลโคลิค, ไนอาซินาไมด์ รวมเหล่าสารทรงพลังชั้นนำที่ลดเลือนจุดด่างดำ แนะนำสำหรับสาว ๆ ที่อยากหาเซรั่มดี ๆ สักตัว เพื่อผิวหน้าที่กระจ่างใส ดูไบรท์ขึ้นอย่างทันตาจนโดนทัก ต้องนึกถึงตัวนี้เลยค่ะ แนะนำมาก ๆ เลย เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย ชุ่มชื้น ไม่รบกวนเมคอัพ คนหน้ามันใช้ได้ คนหน้าแห้งใช้ดี เซรั่มที่ฮิตติดกระแสทุกโซเชียล เหล่าบิวตี้บล็อคเกอร์คอนเฟิร์ม ใครยังไม่ได้ลองรับรองเลยค่ะว่าลองแล้วจะติดใจ ได้ขึ้นแท่นสกินแคร์สุดโปรดแน่นอน

ที่สุดของเซรั่ม https://www.kiehls.co.th/th_TH/facial-serums/clearly-corrective-dark-spot-solution/842.html?dwvar_842_size=50%20ML ลดเรือนจุดด่างดำอันดับ 1 ในไทย 5 ปีซ้อน ฮิตฮอตที่สุดตลอดกาล การันตีทั้งการลดรอยสิวและปรับสีผิว ตัวนี้เป็นตัวยอดฮิตมาก ๆ ใครมีปัญหาสิว เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยค่ะ มีด้วยกันถึง 3 ขนาด บอกเลยว่าราคาคุ้มค่าคุ้มราคามาก กับผลลัพธ์ที่ได้ ตัวนี้บอกเลยค่ะว่าไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน ไม่ใช้พาราเบนเป็นวัตถุกันเสีย ไม่ผสมน้ำหอมอีกด้วยค่ะ แถมมีโปรไซเลน (Proxylane) ที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลปัญหาริ้วรอยพร้อมมอบผิวชุ่มชื้น ความพิเศษตัวนี้อยู่ตรงที่มีวิตามินซีที่ออกฤทธิ์เร็ว ช่วยลดความเข้มและการเปลี่ยนสีของกลุ่มเม็ดสีเมลานิน ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอและเพิ่มความกระจ่างใส

คืนความกระจ่างใสตามธรรมชาติสู่ผิว กับ มอยเจอร์ไรเซอร์  https://www.kiehls.co.th/th_TH/skincare-face/clearly-corrective-brightening-smoothing-moisture-treatment/WW0028KIE.html สูตร Clearly Corrective Brightening & Smoothing Moisture Treatment ที่สร้างความชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ขจัดทุกความหมองคล้ำและจุดด่างดำของผิวอย่างเห็นผล การันตีมอบความเปล่งปลั่งให้แก่ผิวหน้า สดใสระยะยาว เป็นหนึ่งในมอยเจอร์ไรเซอร์ที่อยากแนะนำให้ทุกคนมากค่ะ ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจแน่นอน ดีจนต้องซื้อซ้ำเลยจริง ๆ ใครแพ้ง่ายไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะสูตรนี้อ่อนโยน บางเบา เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม ทาแล้วไม่หนักหน้าเพราะซึมซาบเร็วมากจริง ๆ

7
กู้ผิวพัง ให้กลับมาปัง สวยใส ไร้สิว ด้วยไอเท็มลดสิวหาใช้ง่าย 8)

หลายๆคนมักจะเครียดเวลาเป็นสิว สาวๆที่เป็นสิวง่ายอยู่แล้วนั้นจะรู้ดีว่ายิ่งเครียด สิวก็จะยิ่งขึ้น เพราะความเครียดนั้นจะยิ่งไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวนั่นเอง เพื่อไม่ให้ปัญหาสิวเลวร้ายลง และลดโอกาสของการเป็นสิวเรื้อรัง รวมทั้งลดระยะเวลาในการดูแลและจัดการปัญหาผิวในระหว่างที่เป็นสิว ขอแนะนำสกินแคร์ที่ช่วยลดสิวแบบหาใช้ตามกันได้ง่ายๆ  เพื่อดูแลปัญหาผิว กู้หน้าสิวให้กลับมาสวยปัง ฟื้นตัวจากการเป็นสิวแบบไร้กังวล เอาอยู่ทุกปัญหาสิวบนใบหน้าของเรากันค่ะ

ตัวแรก ขอเริ่มที่ขั้นตอนแรกของการดูแลผิวหน้า ที่ช่วยลดปัญหาสิวตั้งแต่ต้นตอ คือ โฟมล้างหน้าลดสิวอุดตัน https://www.garnier.co.th/tips-how-tos/lifestyle/lifestyle-for-her/bright-complete-anti-acne-booster-serum ไบรท์ คอมพลีท แอนตี้-แอคเน่ คลีนซิ่ง โฟม ของการ์นิเย่ ที่ทำความสะอาดผิวพร้อมกำจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.99% ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิว การ์นิเย่โฟมลดสิว ที่ขึ้นชื่อในเรื่องลดสิวแล้ว ยังโดดเด่นเรื่องช่วยปรับโทนผิวของใบหน้าให้ดูกระจ่างใสขึ้น จากการทำงานของ Salicylic Acid ที่ช่วยลดการอักเสบของสิวพร้อมผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าของเราดูสดใส ผิวดูไบร์ทขึ้น อีกทั้งมี Vitamin C มาเป็นตัวช่วยทำให้รอยจากการเป็นสิวและความหมองคล้ำนั้นค่อยๆจางลงอีกด้วย

คุณสมบัติ
  • ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย 99.99%
  • ทำความสะอากผิว ขจัดคราบและสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้อย่างหมดจด
  • ลดเลือนรอยสิว ความหมองคล้ำบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น

ขนาด
  • 50 ml.
  • 100 ml.

รอยสิวหลังจากการเป็นสิวก็ยังคงเป็นปัญหากวนใจเสมอมา จึงต้องดูแลผิวหน้าจากการเป็นสิว ด้วยครีมลดรอยสิว https://www.larocheposay-th.com/article/5-how-to-reduce-and-prevent-acne-scar
 ลาโรช โพเซย์ EFFACLAR DUO+M ครีมลดรอยสิวที่เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มสามัญสำหรับการดูแลปัญหาผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ ครีมลดสิวเนื้อแบบเจลครีม ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว มีความบางเบาสบายผิวจึงไม่ทำให้เกิดการอุดตัน ลดปัญหาการเป็นสิวที่นำไปสู่การเกิดรอยสิว ถือว่าเป็นครีมที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดสิวซ้ำอีกด้วย


คุณสมบัติ
  • ช่วยแก้ปัญหาสิว ลดเลือนรอยดำรอยแดงจากการเป็นสิว
  • ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ปรับโทนผิวให้ดูสม่ำเสมอ ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  • คงความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ปลอบประโลมผิวที่เป็นสิว

ขนาด
  • 40 ml.

ตัวช่วยลดรอยสิวแบบเร่งด่วน เห็นผลไว เผยผิวใสด้วย เซรั่มลดรอยสิว https://www.larocheposay-th.com/acne-reduction-serum ของ LA ROCHE-POSAY อย่าง PURE NIACINAMIDE 10 SERUM ที่จะช่วยจัดการปัญหารอยดำฝังลึกให้ดูจางลงพร้อมป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิวใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวแต่ยังไม่เห็นผลแนะนำตัวนี้เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นรอยฝังลึกแค่ไหนก็เอาอยู่ ช่วยกู้ผิวของเราให้ดีขึ้น เพราะเป็นเซรั่มเข้มข้นที่มีความบางเบาสามารถชาบซึมลงสู่ผิวอย่างล้ำลึก ฟื้นบำรุงผิวแบบขั้นสุด ช่วยผลัดเชลล์ผิวที่เสื่อมแล้วออกไปเพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าเดิม เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของเซรั่มลดรอยสิวเลยค่ะ

คุณสมบัติ
  • ลดเลือนรอยดำที่ฝังลึกจากการเป็นสิว และป้องกันการเกิดรอยใหม่ในอนาคต
  • ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้รอยดูลดเลือนลง
  • สีผิวดูสม่ำเสมอตั้งแต่สัปดาห์แรก***

ขนาด
  • 30 ml.

***ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัคร 26 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ โดยสถาบันวิจัย Allergisa ประเทศบราซิล เมื่อธันวาคม 2021-กุมภาพันธ์ 2022"

หน้า: [1]