head prakardsod






























































ผู้เขียน หัวข้อ: โรคหัวใจ (Heart disease) สาเหตุ อาการ การตรวจและการรักษา  (อ่าน 53 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 814
    • ดูรายละเอียด
โรคหัวใจ (Heart disease) สาเหตุ อาการ การตรวจและการรักษา
« เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2024, 11:59:31 น. »
โรคหัวใจ (Heart disease) สาเหตุ อาการ การตรวจและการรักษา

หัวใจ อวัยวะที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อและภายในแบ่งออกเป็น 4 ห้อง มี 2 ห้องบน และ 2 ห้องล่าง อยู่บริเวณส่วนกลางใต้กระดูกหน้าอกค่อนข้างไปทางซ้ายเล็กน้อย หัวใจมีหน้าที่สูบฉีดโลหิต นำพาออกซิเจนและสารอาหารไปยังทุกส่วนของร่างกาย หัวใจซีกขวารับโลหิตที่ใช้แล้วจากร่างกาย แล้วสูบฉีดไปยังปอดเพื่อรับออกซิเจน โลหิตที่มีออกซิเจนสูงก็จะไหลกลับไปยังหัวใจด้านซ้าย และก็จะถูกสูบฉีดโลหิตผ่านเส้นเลือดใหญ่ไปยังทุกส่วนของร่างกาย

หัวใจเริ่มเต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา กล้ามเนื้อหัวใจมีลักษณะพิเศษกว่ากล้ามเนื้ออื่น ๆ คือ สามารถปล่อยสัญญาณไฟฟ้าได้เอง ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะเริ่มต้นจากหัวใจห้องขวาบน (Sinus Node) กระจายออกไปตามเซลล์นำไฟฟ้าในหัวใจ เริ่มจากห้องบนขวาไปห้องบนซ้ายและลงหัวใจห้องล่าง เมื่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจถูกกระแสไฟฟ้านี้ก็จะเกิดการหดสั้นลง ทำให้เกิดการบีบตัวของห้องหัวใจ

สภาวะต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อหัวใจ

    โรคหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ
    ปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจ (ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ)
    ภาวะบกพร่องของหัวใจแต่กำเนิด
    โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว
    โรคของกล้ามเนื้อหัวใจ
    การติดเชื้อที่หัวใจ
    โรคของผนังหุ้มหัวใจ

โรคหัวใจมีอาการอย่างไร

อาการของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ

    อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ
        เจ็บแน่นหน้าอก มักมีอาการแน่น อึดอัด เหมือนมีสิ่งกดทับกลางอก อาจมีอาการปวดร้าวไปกราม ไหล่ หรือแขนซ้าย มักเป็นมากขึ้นเมื่อออกกำลังและหากมีอาการรุนแรงอาจมีอาการเมื่ออยู่เฉย ๆ
        เหนื่อยง่ายหายใจถี่
        นอนราบไม่ได้
        บวม
        หัวใจเต้นผิดจังหวะ
        หน้ามืดหมดสติ

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Heart Arrhythmias)
    หัวใจของคุณอาจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือไม่สม่ำเสมอ อาการของหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจรวมถึง
        หัวใจเต้นสะดุด หรือเต้นเร็ว ๆ รัวๆ (Heart Palpitations)
        เจ็บหน้าอกหรือรู้สึกไม่สบาย (Chest pain or discomfort)
        หายใจถี่ (Shortness of breath) หอบง่าย (Dyspnea on exertion)
        มึนศีรษะ (Lightheadedness)
        วิงเวียนศีรษะ (Dizziness)
        เป็นลมหมดสติ (Syncope)

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากหัวใจพิการแต่กำเนิด (Heart Defects)
    ความบกพร่องของหัวใจพิการแต่กำเนิด มักจะสังเกตเห็นได้หลังคลอดไม่นาน โดยมักมีสัญญาณและอาการผิดปกติของหัวใจในเด็กอาจรวมถึง
        สีผิวซีดเทา เขียว
        อาการบวมที่ขา หน้าท้อง หรือบริเวณรอบดวงตา
        ในทารกมักมีอาการหายใจถี่ระหว่างการให้น้ำนม ทำให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น
        นิ้วปุ้ม (Clubbing of fingers)

ความบกพร่องของหัวใจพิการแต่กำเนิดที่รุนแรงน้อยกว่ามักไม่ได้รับการวินิจฉัยจนกว่าจะถึงในวัยเด็กหรือในวัยผู้ใหญ่ สัญญาณและอาการของความบกพร่องของหัวใจพิการแต่กำเนิดมักไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตในทันที ได้แก่

        หายใจไม่ออกระหว่างออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ
        เหนื่อยง่ายระหว่างออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม
        อาการบวมที่มือ ข้อ หรือเท้า
        ปากและเล็บเขียวคล้ำ

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy)
    ในระยะแรกของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ อาจไม่แสดงอาการ แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้น สามารถสังเกตได้จาก
        หายใจไม่ออกขณะทำกิจกรรมหรือพักผ่อน
        อาการบวมที่ขา ข้อ และเท้า
        อาการเหนื่อยล้า เหนื่อยง่าย หายใจถี่
        นอนราบไม่ได้
        การเต้นของหัวใจผิดปกติ
        เวียนศีรษะ มึนงง และเป็นลม

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากการติดเชื้อ (Heart Infection)
    เยื่อบุหัวใจอักเสบ คือการติดเชื้อที่มีผลต่อเยื่อบุด้านในของห้องหัวใจและลิ้นหัวใจ (Endocardium) สัญญาณและอาการของการติดเชื้อที่หัวใจอาจรวมถึง
        มีไข้หายใจถี่
        อ่อนแอ เหนื่อยล้า
        มีอาการบวมที่ขาหรือหน้าท้อง
        การเต้นของหัวใจผิดปกติ
        อาการไอแห้ง
        มีผื่นขึ้นหรือมีจุดที่ผิวหนัง เล็บ ขึ้นผิดปกติ

    อาการของโรคหัวใจที่เกิดจากลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว (Valvular Heart Disease)
    ลิ้นหัวใจทำหน้าที่เปิดและปิดเพื่อให้เลือดไหลผ่านหัวใจในทิศทางเดียว ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำลายลิ้นหัวใจได้ โดยอาการแสดงของโรคลิ้นหัวใจตีบและรั่วอาจรวมถึง
        อาการเหนื่อยล้า
        หายใจถี่ เหนื่อยง่าย
        การเต้นของหัวใจผิดปกติ
        เท้าหรือข้อเท้าบวม เจ็บหน้าอก
        เป็นลมหมดสติ

อาการของโรคหัวใจ
โรคหัวใจ ควรพบแพทย์เมื่อใด

ควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการเหล่านี้

    เจ็บหน้าอก
    หายใจถี่ เหนื่อยง่าย
    เป็นลม

โรคหัวใจจะรักษาได้ผลดีหากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับอาการของคุณ หากคนในครอบครัวของคุณมีประวัติเป็นโรคหัวใจ นี่คือสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจ


สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ

สาเหตุของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจนั้น ๆ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจจากภาวะการเสื่อมของหลอดเลือด มีสาเหตุไม่ชัดเจนแต่พบว่าสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ

    ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้และสามารถปรับเปลี่ยนได้
    ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เช่น อายุ เพศ หรือประวัติสุขภาพของคนในครอบครัว แต่สามารถชะลอโรคด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่บริหารเองได้เพื่อป้องกันโรคหัวใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

    อายุ - การมีอายุมากขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงของหลอดเลือดแดงที่เสียหาย ตีบและกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
    เพศ - ผู้ชายทั่วไปมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่า แต่สำหรับผู้หญิงจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน
    ปัจจัยทางพันธุกรรม - ครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจจะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ่อแม่เป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย (ก่อนอายุ 55 ปีสำหรับผู้ชาย และ 65 สำหรับผู้หญิง)
    สูบบุหรี่ - สารนิโคตินทำให้หลอดเลือดของคุณมีสภาวะหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถทำลายเยื่อบุชั้นในได้ จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่ายขึ้น โดยอาการหัวใจวายพบได้บ่อยในผู้สูบบุหรี่มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
    การกินอาหารแบบผิด ๆ - อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เกลือ น้ำตาล และคอเลสเตอรอลสูง สามารถทำให้เกิดโรคหัวใจได้
    ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาจส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและหนาขึ้นทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง
    ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง - ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดที่สูงโดยเฉพาะชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL-cholesterol) สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
    โรคเบาหวาน - โรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
    โรคอ้วน - น้ำหนักส่วนเกินมักทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้น
    การขาดการออกกำลังกาย - มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ
    ความเครียด - ปัจจัยเสี่ยงทางด้านจิตใจ อาจส่งผลไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติที่กระตุ้นหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการของโรคหัวใจมากขึ้น
    สุขภาพฟันที่ไม่ดี - พบรายงานแพทย์ถึงโรคฟันและเหงือกอักเสบสัมพันธ์กับการเกิดอาการของโรคหัวใจมากขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจ

    ภาวะหัวใจล้มเหลว
    เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดของโรคหัวใจ เกิดขึ้นเมื่อหัวใจของคุณไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ภาวะหัวใจล้มเหลวอาจเป็นผลมาจากโรคหัวใจหลายประเภท รวมถึงความบกพร่องของหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคลิ้นหัวใจ การติดเชื้อที่หัวใจ
    หัวใจวาย หากเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันกระทันหัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ไฟฟ้าหัวใจผิดปกติจนเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรงจนหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrest)
    โรคหลอดเลือดสมอง
    คือ ปัจจัยเสี่ยงสามารถนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองของคุณแคบลงหรือถูกปิดกั้นทำให้เลือดเข้าสู่สมองไม่เพียงพอ ส่งผลให้สมองขาดเลือด
    หลอดเลือดแดงโป่งพอง
    เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกายโดยหากหลอดเลือดโป่งพองแตก จะทำให้เกิดภาวะเลือดออกภายในอย่างมากและรวดเร็ว เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
    โรคหลอดเลือดส่วนปลาย
    หากเป็นโรคหลอดเลือดส่วนปลาย สิ่งนี้ทำให้เกิดอาการปวดแขนหรือขาเมื่อออกแรง เหตุเพราะเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เพียงพอ (Claudication) และหากอุดตัน จะทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อส่วนปลาย เช่น เท้า ได้
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน
    คือ การสูญเสียการทำงานของหัวใจ การหายใจและหมดสติอย่างกะทันหันโดยไม่คาดคิด ซึ่งมักเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะร้ายแรง ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันเป็นภาวะฉุกเฉิน หากไม่ได้รับการรักษาทันทีจะส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจตายอย่างกะทันหัน

การป้องกันโรคหัวใจ

ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจแม้ไม่มีสาเหตุเฉพาะเจาะจงชัดเจน แต่ก็มีปัจจัยสิ่งหลายอย่างที่หากเราควบคุมได้ดีจะช่วยลดโอกาสโรคหลอดเลือดหัวใจลงได้มาก เช่น

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    ควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินมาตรฐาน ควบคุมคอเลสเตอรอล และเบาหวาน
    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
    รับประทานอาหารที่มีเกลือและไขมันอิ่มตัวต่ำ
    ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน
    ลดความเครียด
    ฝึกสุขอนามัยที่ดี

วิธีรักษาโรคหัวใจเพื่อลดความเสี่ยงของโรค

การวินิจฉัยโรคหัวใจ

แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและสอบถามประวัติของคนไข้และครอบครัว นอกจากการสอบถามประวัติโดยละเอียด การตรวจร่างกายการตรวจเลือด และเอกซเรย์ทรวงอกแล้ว การทดสอบพิเศษทางหัวใจต่างๆจะช่วยในการวินิจฉัย เช่น

    การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการตรวจทดสอบที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวด
    เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง หรือ Ambulatory ECG Monitoring หรือ Holter ECG
    เป็นอุปกรณ์ ECG แบบพกพาที่สามารถใส่เพื่อบันทึกจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องโดยปกติจะใช้เวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมง การตรวจสอบ โดยใช้เพื่อตรวจจับปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่พบในระหว่างการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ
    การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Echocardiogram
    เป็นการทดสอบแบบใช้คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ เพื่อสร้างภาพและตรวจวัดโครงสร้างหัวใจโดยละเอียด ขนาดของหัวใจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจลิ้นหัวใจผนังกั้นและผนังหุ้มหัวใจ
    Stress Test
    เป็นการทดสอบการเพิ่มอัตราการเต้นและบีบตัวของหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือยา และวัดการตอบสนองทั้งชีพจรความดันโลหิตความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจและบางรายวัดความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจโดยการตรวจ Echocardiogram (Stress Echocardiogram) ช่วยในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางครั้งประเมินหลอดเลือดและสมรรถภาพการบีบตัวของกล้ามเนื้อที่ผนังหัวใจ
    การสวนหัวใจ
    เป็นการใส่ท่อสั้น ๆ เข้าไปในหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดงบริเวณขาหรือแขน เพื่อตรวจวัดภายในห้องหัวใจโดยตรงหรือการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ หรือผนังกั้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
    การสแกนเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หัวใจ หรือ CT SCAN
    เป็นการทดสอบแบบใช้เอ็กซเรย์เพื่อสร้างภาพโครงสร้างโดยละเอียด เพื่อวัดคะแนนหินปูนของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score) และหากฉีดสารทึบรังสีด้วย จะได้ภาพของหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดแดงใหญ่ หลอดเลือดปอด เพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ผนังหัวใจ

การรักษาโรคหัวใจ

ชนิดการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ โดยทั่วไปมักประกอบด้วย:

    การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
    ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ด้วยการรับประทานอาหารสุขภาพ เช่น ลดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เกลือโซเดียมสูง ไขมันอิ่มตัวสูง คอเลสเตอรอลสูง รับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวโอเมก้า 3 แทน เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้หลากหลายชนิด ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    ยา
    หากการปรับเปลี่ยงวิถีชีวิตเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อควบคุมโรคหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ

การรักษาอื่น ๆ นอกจากการรับประทานยา

    การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด
        การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด
        การขยายลิ้นหัวใจที่ตีบด้วยบอลลูน
        การใส่ลิ้นหัวใจเทียมแทนลิ้นหัวใจที่ตีบจากการเสื่อมสภาพ โดยการสอดใส่ผ่านทางหลอดเลือด
        การปิดกั้นผนังกั้นหัวใจที่รั่วด้วยอุปกรณ์พิเศษผ่านทางหลอดเลือด
        การจี้หัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดด้วยคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงโดยการใส่สายผ่านทางหลอดเลือด
        การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจชนิดถาวร
        การผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ
        การผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจโดยใช้หลอดเลือดของผู้ป่วยเอง (Coronary artery bypass graft surgery)
        การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม
    การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
    ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้สามารถกลับมาแข็งแรงใช้ชีวิตประจำวันได้ และหากเป็นไปได้ให้สามารถออกกำลังกายได้มากขึ้น เพื่อช่วยในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงลดอาการโรคหัวใจได้ดีขึ้น โดยในช่วงแรกอาจอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดของแพทย์และนักกายภาพบำบัด และค่อย ๆ ปรับเพิ่มโปรแกรมที่สามารถทำได้เองมากขึ้นจนสามารถปฏิบัติเองได้ที่บ้านทั้งหมด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

    คำถาม: สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ คืออะไร
    คำตอบ: สาเหตุของโรคหัวใจขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจนั้น ๆ สำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจจากภาวะการเสื่อมของหลอดเลือด มีสาเหตุไม่ชัดเจนแต่พบว่าสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้และสามารถปรับเปลี่ยนได้ และปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เช่น อายุ เพศ หรือประวัติสุขภาพของคนในครอบครัว แต่สามารถชะลอโรคด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่บริหารเองได้เพื่อป้องกันโรคหัวใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

    คำถาม: ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ มีอะไรบ้าง
    คำตอบ: ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ เช่น อายุมากขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงของหลอดเลือดแดงที่เสียหาย เพศชายมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่า เพศหญิงจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน ครอบครัวที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ผู้ที่สูบบุหรี่อาการหัวใจวายพบได้บ่อยในผู้สูบบุหรี่มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ การกินอาหารแบบผิด ๆ ความดันโลหิตสูง ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง การขาดการออกกำลังกาย ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เป็นต้น

    คำถาม: จะรักษาโรคหัวใจอย่างไร
    คำตอบ: ชนิดการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ โดยทั่วไปมักประกอบด้วย: การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ด้วยการรับประทานอาหารสุขภาพ ทานผักและผลไม้หลากหลายชนิด ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากการปรับเปลี่ยงวิถีชีวิตเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อควบคุมโรคหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทของโรคหัวใจ การรักษาด้วยหัตถการหลอดเลือดหรือการผ่าตัด การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด เป็นต้น